7 พฤษภาคม 2566 ช่วงนี้บนพื้นที่หน้าสื่อทุกสำนัก คงหนีไม่พ้นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก ด้วยการวางยาพิษไซยาไนด์ โดยแพทย์ได้ระบุว่าผู้ใดได้รับสารพิษนี้ มักจะมีอาการภายในเวลาไม่กี่วินาที เริ่มจากปวดศีรษะ ใจสั่น หน้าแดง หมดสติ ชัก และ อาจจะเสียชีวิตภายในเวลา 10 นาที
ทั้งนี้ ไซยาไนด์เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งมีความเป็นพิษสูง สามารถพบได้ในธรรมชาติ เช่น มันสำปะหลัง สบู่ดำ หน่อไม้ ถั่วลิมา อัลมอนด์ชนิดขม เป็นต้น ที่สำคัญหน่อไม้ถือว่าอยู่คู่ครัวกับคนไทยมาช้านาน มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่หน่อไม้ดิบหรือหน่อไม้ที่ยังปรุงไม่สุก เขามีพิษจากสารไซยาไนด์อยู่ในหน่อไม้ตามธรรมชาติ และทำให้เกิดอันตรายกับตัวของเราได้ แต่หากเข้าสู่ร่างกายในปริมาณน้อย ก็สามารถขับออกมาทางปัสสาวะได้ แต่ถ้าได้รับในปริมาณมาก เจ้าสารไซยาไนด์นี้ จะไปจับตัวกับสารในเม็ดเลือดแดงแทนที่ออกซิเจน จะทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด
แต่ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ถือเป็นมรดกตกทอดมายาวนานนับศตวรรษ เพราะบรรพบุรุษเขาคิดสูตรที่สามารถลดปริมาณสารไซยาไนด์ในหน่อไม้ดิบได้ด้วยการผ่านความร้อน เช่น เผา หรือต้ม
ทีมข่าวตะเลาะกินถือว่าโชคดีที่ประจวบเหมาะได้พบกลุ่มแม่บ้าน บ้านนาโพธิ์ หมู่ 17 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ประมาณ 7-8 คนกำลังสาละวนกับการเตรียมวัตถุดิบเพื่อแกงหน่อไม้ อยู่หน้าบ้านของนางตาลอ่อน จันดา อายุ 60 ปี หลังวัดบ้านนาโพธิ์ จึงจอดรถสอบถามทราบเบื้องต้นว่า นางทิน จันทาพรม อายุ 74 ปี นำหน่อไม้ดิบที่อยู่ในนาท้ายหมู่บ้าน 2 หน่อ แล้วชวนร่วมด้วยช่วยกันแกงหน่อไม้กินมื้อเที่ยง ภาษาอีสานเรียกว่า”ตุ้มโฮม” (รวมตัวกัน มารวมกัน สามัคคีกัน) ถือเป็นวัฒนธรรมความเป็นพี่เป็นน้องที่ชาวอีสานยึดถือปฏิบัติกันมาช้านาน
อย่างที่ทราบกันโดยทั่ว ว่า แกงหน่อไม้หรือภาคกลางเรียกว่าแกงเปรอะนั้น เป็นอาหารถิ่นที่หากินง่าย นอกจากมีหน่อไม้เป็นตัวหลักแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือใบย่านางเป็นส่วนประกอบหลัก ใบย่านางนี่จะช่วยเรื่องแก้ความขื่นและขมของหน่อไม้ได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เอาทั้งสองอย่างมารวมกัน วัตถุดิบอีกอย่างที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือข้าวเบือ เป็นการนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำสักพัก เพื่อให้เมล็ดข้าวเหนียวอ่อนนุ่ม แล้วนำมาโขลกให้ละเอียด ประโยชน์ของข้าวเบือจะช่วยให้อาหารหนืดเหนียวน่ารับประทาน
นางสายสมร อุไรสาย อายุ 68 ปี เผยถึงคุณประโยชน์ของใบย่านางกับข้าวเบือได้อย่างน่าสนใจมาก ว่า น้ำใบย่านางทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น และยังช่วยทำให้ผู้บริโภคไม่ปวดข้อหรือปวดเข่าจากกรดยูริคที่มีในหน่อไม้ สามารถช่วยขจัดสารพิษออกจากระบบเลือด ตับ และไต ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรงขึ้น บรรพบุรุษจึงนำใบย่านางมาใส่ในอาหารสำหรับใช้ล้างสารพิษ โดยเฉพาะสารไซยาไนด์ที่อยู่ในหน่อไม้ดิบ
ส่วนข้าวเบือนอกจากให้ความหนืดเหนียวทำให้น้ำแกงเข้มข้นแล้ว คุณสมบัติพิเศษของข้าวเบืออีกอย่างคือ ในแกงหน่อไม้ของชาวอีสาน หรือเรียกอีกอย่างว่าแกงลาว มักจะนำเห็ด ชะอม ฯลฯ ผสมลงไปด้วย โดยเฉพาะเห็ดบางชนิดมีพิษ ไม่สามารถรับประทานได้ แต่เห็ดที่เกิดตามธรรมชาติจะมีลักษณะคล้ายๆกัน บางคนเผลอนำมาใส่ในแกงหน่อไม้ ข้าวเบือนี่แหละเป็นเสมือนตัวตรวจสอบว่าในหม้อแกงมีสารพิษแปลกปลอมไหม หากข้าวเบือเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง แสดงว่าในหม้อนี้มีสารพิษเททิ้งเลยอย่าเสียดาย ถ้าข้าวเบือเป็นสีขาวปกติรับประทานได้
อย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้น เป็นความโชคดีที่บังเอิญพบกลุ่มแม่บ้านชาวบ้านนาโพธิ์ หมู่ 17 ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม เพราะนอกจากมีแกงหน่อไม้ใส่น้ำใบย่านางแล้ว ยังมีแกงหน่อไม้ใส่เครือตดหมูตดหมา เรียกสั้นๆว่าใบตดหมา ถือเป็นเรื่องแปลกเพราะทีมข่าวไม่เคยพบเห็นแกงหน่อไม้ใส่ใบตดหมามาก่อน ผู้ให้ความกระจ่างไม่พ้นนางสายสมรคนเดิม ว่าเดิมบ้านนาโพธิ์เป็นถิ่นทุรกันดารมาก
ใบย่านางที่ใช้สำหรับใส่แกงหน่อไม้นั้นหายาก ในขณะที่ใบตดหมาเป็นไม้เลื้อยขึ้นตามต้นไม้ใหญ่ มีอยู่มากทั่วไปในหมู่บ้าน บรรพบุรุษนอกจากจะนำใบตดหมามาเป็นส่วนผสมในขนมแล้ว ยังนำมาใส่ในแกงหน่อไม้โดยใช้แทนใบย่านางอีกด้วย ด้านความเข้มข้นในรสชาติระหว่างใบย่านางกับใบตดหมานั้น ทีมข่าวชิมแล้วมีความเห็นว่าแกงที่ใส่ใบตดหมาจะมีความหนักแน่นกว่าหน่อย รวมๆแล้วรสชาติอร่อยทั้งสองอย่าง
ปัจจุบันแกงหน่อไม้ใส่ใบตดหมาไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก ชาวบ้านจะนิยมทำกันเฉพาะกรณีพิเศษเท่านั้น เช่น มีแขกไปไทยมาก็จะปรุงให้ชิมรสชาติเพื่อบ่งบอกความเป็นอัตลักษณ์ของหมู่บ้าน ถือเป็นซิกเนเจอร์ประจำหมู่บ้านที่คาดว่าไม่มีที่ไหนเหมือน
ภายหลังกลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ยืนยันว่าใบตดหมาสรรพคุณเด็ดดวง ช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ แถมช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด ทั้งยังเป็นสมุนไพรแก้ปวดเมื่อย หมอยาพื้นบ้านเขาใช้เครือตดหมูตดหมากินเป็นยาอายุวัฒนะ โดยเชื่อว่าการกินเป็นประจำจะสามารถเพิ่มกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยทำให้กระดูกที่หักติดกันง่าย ทำให้สีผมเงางาม กำจัดพิษ ช่วยย่อย ช่วยขับลม ทานได้ทั้งเป็นผักและต้มกินเป็นยา รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย
บ้านนาโพธิ์ ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 (สกลนคร-นครพนม) ไม่ห่างจากท่าอากาศยานนครพนมมากนัก มีประวัติความเป็นมาว่าประมาณปี พ.ศ.2381 บรรพบุรุษได้โยกย้ายถิ่นฐานมาจากฝั่งลาว และมีการย้ายถิ่นฐานอยู่หลายครั้ง เนื่องจากเกิดโรคระบาด กระทั่งปี พ.ศ.2435 ได้แยกถิ่นฐานที่อยู่ของชาวบ้านเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มบ้านไทยสามัคคี กลุ่มบ้านผึ้ง และกลุ่มบ้านนาโพธิ์
โดยบ้านนาโพธิ์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เพราะในอดีตปี พ.ศ.2518 ยุคสมัยภายในประเทศลาวเปลี่ยนแปลงการปกครอง บ้านนาโพธิ์กลายเป็นที่ตั้งค่ายผู้ลี้ภัย ศูนย์อพยพชาวลาวพลัดถิ่น หรือชาวบ้านเรียกติดปากว่าศูนย์ลาว ภายหลังเหตุการณ์เป็นปกติชาวลาวส่วนใหญ่เป็นชาติพันธุ์ม้ง ก็อพยพกลับถิ่นฐานประมาณปี พ.ศ.2532 แต่ยังมีความผูกพันกับชุมชนบ้านนาโพธิ์ จึงมีการแวะเวียนมาเยี่ยมยามถามข่าวกันอยู่เนืองๆ ปัจจุบันศูนย์อพยพมีสภาพรกร้างว่างเปล่า แต่ยังพอมีร่องรอยให้ผู้สนใจได้ศึกษาเรื่องราวในอดีต.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี