9 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเฟสบุ๊คของสถานีตำรวจภูธร อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี แจ้งเตือนไว้อย่าไว้ใจคนง่ายๆ มีข้อความว่า

อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน เห็นเว่านำหัวเตอะหัวเติ่นม่วนซื่นโฮแซวนำกัน ดึกๆมาอาจหลอยเข้าหลังบ้านกะเป็นได้อย่างรายนี้ รับแจ้งสาวประเภทสองแอบดอดเข้าร้านค้ากลางดึกประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 8 พ.ค. 2566 หยิบครีม เครื่องสำอางค์ โลชั่นต่างๆ แม้แต่หวีก็ไม่เว้น รวมถึงโทรศัพท์ร้าน และรถมอเตอร์ไซค์ บังเอิญว่ารถบ่มีน้ำมัน จึงเอาไปไม่ได้ โดยขณะที่จูงรถ จยย. ออกจากร้านนั้น มีพนักงานเซเว่นเห็น จึงได้สอบถามพนักงานร้านที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งพนักงานร้านที่เกิดเหตุใจหายวาบ รีบเช็คสิ่งของต่างๆและกล้องวงจรปิด จึงได้ทราบว่า ผู้ที่มาขโมยคือคนที่นั่งเม้าท์มอยด์ตอนช่วงหัวค่ำนั่นเอง

โดยเหตุการณ์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยวาน สามารถจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้ และเจ้าของร้านแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพราะไม่อยากให้ไปขโมยที่อื่นอีก

ต่อมาวันนี้ เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาล ต.ไชยวาน ติดกับร้านสะดวกซื้อ พบกับน.ส.วิภารัตน์  ใจทน อายุ 32  ปี หรือ “น้องอ้อน “พนักงานร้านคลังยา ไชยวาน พาผู้สื่อข่าวดูรถจยย.ฮอนด้าฟีโน่ สีดำ ที่จอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ โดยคนร้ายเป็นสาวสองหวังจะขโมยแต่ไม่เอาไปไม่ได้เพราะไม่มีน้ำมัน และพาไปดูประตูหลังร้านที่คนร้ายงัดเข้าไปแล้วเข้าไปในร้านยาขโมยทรัพย์สินหลายอย่าง

โดยพนักงานบอกว่า ปกติจะล็อคกลอนประตูหลังร้านทุกครั้ง แต่วันนั้นไม่รู้ว่ากลอนออกได้อย่างไรหรืออาจะล็อคกลอนไม่สนิทก็เป็นได้ แถมยังพูดติดตลก สงสัยสาวสองรายนี้มีวิชาสะเดาะกลอนประตูเข้าไปในร้านได้ก็ไม่แน่ จากนั้นคนร้ายได้เดินเข้าไปในร้าน เปิดไฟ เปิดพัดลมเย็นฉ่ำก่อนลง โดยคนร้ายพยายามงัดตู้เก็บเงินแต่งัดไม่ได้ แต่ได้ขโมยโทรศัพท์มือถือของร้าน เครื่องสำอางบำรุงผิวหน้า ครีมกันแดด อาหารเสริม รองเท้า หรือแม้แต่หวีผมก็ยังเอาไปด้วย มูลค่าเกือบ 10,000 บาท โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเอาไว้ได้ แต่เมื่อดูกล้องวงจรปิดแล้วแทบตกใจ เพราะคนร้ายเป็นสาวประเภท 2 ที่เข้ามาขโมยของในร้าน ตอนเย็นยังนั่งดริ้งสังสรรค์กันอยู่หน้าร้านยังสรวลเสเฮฮาอยู่เลย แต่ไม่คิดว่าคนร้ายจะเป็นคนนี้

น้องอ้อน พนักงานร้ายขายยา เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นพวกหนูเจ็บใจมาก ไม่คิดว่าคนที่เราเรียกมานั่งคุยด้วย เพราะเป็นสาวประเภท 2 มาจะทำแบบนี้ เข้ามาขโมยของในร้าน ซึ่งปกติเจ้าของร้านจะเลี้ยงสังสรรค์ให้ลูกน้องเป็นประจำ วันนั้นเราเห็นเขาเดินมาซื้อของเซเว่น และเป็นสาวสอง คงไม่มีพิษมีภัยอะไร จึงเรียกมานั่งดื่มด้วย ในวงยอมรับสนุกมาก เขาพูดเก่ง ชวนคุยในวงได้ตลอด พองานเลี้ยงเลิกต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับ

มารู้อีกทีพนักงานร้านเซเว่นฯ โทรมาบอกว่า เห็นคนร้ายจะมาขโมย รถจยย.ของทางร้าน จึงออกมาดูแล้วแต่ไม่เห็นใครแล้ว เขาเอาจยย.ของร้านไปไม่ได้เพราะรถไม่มีน้ำมัน พอพนักงานร้านสะดวกซื้อจับได้ เขาก็อ้างว่าหนูให้กุญแจรถเขาไปเอง ต่อมาตนเอะใจเดินไปหลังร้านก็เห็นประตูด้านหลังเปิด จึงรีบไปดูในร้านและเปิดกล้องวงจรปิดดูเห็นคนร้าย แต่ที่ตกใจแทบช็อค เพราะคนที่เห็นในกล้องกลับเป็นสาวสอง ทราบชื่อคือ นายบอล อายุ 38 ปี ชาวบ้านค่ายที่เราชวนมานั่งกินเลี้ยงช่วงเย็นวันนั้น

'คนที่เราหวังดีเรียกมานั่งทานข้าว ดื่มสังสรรค์ด้วย แต่ไม่คิดว่าจะมาทำแบบนี้ ผิดที่เราไว้ใจมากเกินไป ต่อไปต้องละเอียดมากกว่านี้ 'น้องอ้อน พูด

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.นาริสรา สิงห์มาตร อายุ 35 ปี หรือคุณติ๊ก เจ้าของร้านคลังยา ไชยวาน เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาตนไปแวะไปที่ร้านที่ อ.ไชยวาน ซึ่งปกติจะไปทุกอาทิตย์อยู่แล้ว แล้วก็จะเรียกพนักงานทุกคนมากินข้าว เลี้ยงสังสรรค์ลูกน้อง วันนั้นเห็นสาวประเภทสองอยู่แถวนั้น เราก็ไม่คิดว่าเขาจะมีพิษมีภัย เห็นมาคนเดียวก็เรียกมานั่งโต๊ะด้วย ยอมรับเขาคุยเก่งมาก ในวงได้หัวเราะเพราะสาวสองคนนี้ สนุกสนานกันเต็มที่

พอเลิกงานต่างคนต่างแยกย้ายกลับ เราก็ไม่คิดว่าจะมีคนเข้าไปขโมยของในร้าน พอลูกน้องโทรมาบอก เปิดดูกล้องวงจรปิดแทบตกใจ เพราะคนที่อยู่ในกล้องเป็นสาวประเภทสองที่นั่งดื่มกับพวกเราในวงช่วงเย็นวันนั้น เราก็ไปแจ้งความเพราะเขาขโมยของไปหลายอย่างโดยเฉพาะเครื่องสำอาง ครีมกันแดด อาหารเสริม หวีผม คิดว่าเขาเอาไปเสริมความงามตัวเอง

พอตำรวจจับตัวมาได้ แต่เขาไม่สำนึก เราก็ถามมาขโมยของทำไม อุตส่าห์ไว้ใจพี่ ต้องมาทำร้ายจิตใจกัน เขาบอกแค่ขอโทษ แค่เอาโทรศัพท์ไปฟังเพลง เอารถจยย.กลับบ้านไม่อยากเดิน แถมยังหัวเราะชอบใจ

'เห็นเขาพูดแบบนั้นแทบจะร้องไห้  มีคนแบบนี้ด้วยหรือในโลกนี้ ต่อไปก็จะดูคนให้ชัด แต่ผิดเองที่เราโง่เอง และไว้ใจคนง่ายเกินไป ต่อไปก็จะดูคนให้มากขึ้น  แต่ก็ไม่คิดว่าคนที่เราชวนมานั่งดื่มสังสรรค์ด้วยจะทำแบบนี้  ก็ฝากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์อย่าไว้ใจกัน ให้ระวังคนมากขึ้น และยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะไม่อยากให้ไปทำกับที่อื่นอีก เจ้าของร้านขายยากล่าวตอนท้ายด้วยความเจ็บใจ'012