4 มิถุนายน 2566 เมื่อคืนวันที่ 3 มิถุนายน บริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ศาสนิกชนชาวพุทธทั้งไทยและลาว รวมถึงนักท่องเที่ยวนักท่องเที่ยว ร่วมประกอบพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม เนื่องในวันวิสาขบูชา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
โดยภายในบรรจุไว้พระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า สร้างเจดีย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 8 จึงมีอายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา ดังนั้นในวันสำคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนาจะมีประชาชน นักท่องเที่ยว ต่างเดินทางทำบุญตักบาตรขอพร เชื่อกันว่าหากใครได้มีโอกาสมากราบไหว้องค์พระธาตุพนม เสมือนได้มาขอพรพระพุทธเจ้าใกล้ชิด
โดยมี พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาส/ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เป็นประธานนำศาสนิกชนชาวพุทธ เวียนเทียนรอบองค์พระธาตุ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่พร้อมใจสวมใส่ชุดขาว สวดบูชาด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็น เป็นภาพการปฏิบัติธรรมที่งดงาม ที่ประชาชนชาวไทยและชาวลาว ยึดถือปฏิบัติสืบต่อวัฒนธรรมอันดีงามกันมาแต่บรรพบุรุษ
ทั้งนี้ องค์พระธาตุพนมมีเหตุการณ์สำคัญ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 ได้เกิดเหตุการณ์พระธาตุพนมล้ม ทำให้มีการค้นพบพระอุรังคธาตุอยู่ภายในองค์พระธาตุ เป็นสิ่งยืนยันว่ามีการบรรจุพระอุรังคธาตุไว้จริง จากเคยพบเพียงหลักฐานในตำนานพระอุรังคนิทานมาแต่อดีตเท่านั้น อีกทั้งตำนานพระอุรังคนิทาน ยังบันทึกอีกว่าพระพุทธเจ้าเคย เสด็จมาทางอากาศ เพื่อไปบิณฑบาต ที่เมืองศรีโคตรบูร สปป.ลาว ภายหลังได้เสด็จมาประทับแรมที่ภูกำพร้า คือจุดที่ก่อสร้างองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน
จากนั้นพญาอินทร์ ได้เสด็จมาทูลถาม ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ ในภัททกัลป์ที่นิพพานไปแล้ว บรรดาสาวกจะนำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า เช่นกันกับพระพุทธองค์ เมื่อนิพพานแล้ว พระมหากัสสะปะ ผู้เป็นสาวก จะได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้เช่นกัน เป็นที่มาของการก่อสร้าง องค์พระธาตุพนม และมีการบูรณะการก่อสร้าง มาถึงปัจจุบัน เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ.012