เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 6 มิ.ย.66 ที่บ้านจ่าทวี อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ได้มีพิธีเปิด หอศิลปาจารย์ จ่าสิบเอก บูรณเขตต์ โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธพจวชิรมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 เจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และเจิมป้าย หอศิลปาจารย์ จ่าสิบเอก บูรณเขตต์ จากนั้น ดร.หม่อมหลวงสราลี กิติยากร ร่วมกับนายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ทำพิธีเปิดหอศิลปาจารย์
สำหรับศิลปาจารย์เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ที่มีคุณูปการทางด้านศิลป ซึ่งจะเป็นคนละประเภทกับศิลปินแห่งชาติ เพราะศิลปินแห่งชาตินั้น แบ่งออกเป็น 3 สาขา คือสาขาศิลปการแสดง สาขาวรรณศิลป์ และสาขาทัศนศิลป์ แต่ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้เล็งเห็นว่ายังมีครูช่างจากทั่วประเทศเลยที่มีความรู้ความสามารถ ไม่น้อยกว่าศิลปินแห่งชาติ และเป็นครูผู้ให้ เป็นครูผู้ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆให้กับลูกศิษย์ลูกหามาโดยตลอด เป็นผู้สืบสาน และต่อยอดมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรมที่ดีของชาติ เราน่าจะมีรางวัลสำหรับบุคคลเหล่านี้ ท่านอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรมในขณะนั้น ท่านได้ให้คณะศิลปินแห่งชาติมากำหนดหลักเกณฑ์รูปแบบต่างๆและได้พิจารณา และเมื่อปี 2565 ได้มอบรางวัลศิลปาจารย์ท่านแรก เป็นบุคคลผู้ให้ผู้ที่เป็นครู ผู้ที่สืบสานต่อยอดมรดกทางภูมิปัญญาวัฒนธรรมของชาติเป็นที่ยอมรับ เป็นที่รู้จัก เป็นที่ประจักชัด นั่นคือ จ่าสิบเอก ดร.ทวี บูรณเขตต์ นั่นเอง
จากนั้น ดร.หม่อมหลวงสราลี กิติยากร นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และผู้หลักผู้ใหญ่ได้เดินชมภายในหอ ป้าย หอศิลปาจารย์ จ่าสิบเอก ดร.ทวี บูรณเขตต์ บุคคลดีเด่นของชาติ ซึ่งภายในหอศิลป์ฯ ได้รวบรวมเรื่องราวประวัติของจ่าสิบเอกทวี บูรณะเขตต์ และเหตุการณ์สำคัญของจังหวัดพิษณุโลก รวมถึงประวัติของการจัดสร้างองค์พระพุทธชินราชต่างๆ และภายในหอศิลป์ฯได้บรรจุรางวัลต่างๆของ จ่าสิบเอก ดร.ทวี ที่ได้รับ และสิ่งที่ภูมิใจมากที่สุดในชีวิต คือการได้ปั้นพระพุทธชินราชจำลองขนาดหน้าตัก 69 นิ้วให้กับ 2 ราชการได้ทรงกราบ คือ รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 โดยพระองค์นี้ได้ประดิษฐานอยู่ที่วิหารเซียน จ.ชลบุรี โดย จ่าสิบเอก ดร.ทวี นั้นปั้นพระพุทธรูปมายาวนานกว่า 50 ปี
และห้องการจัดแสดงพระพุทธชินราช รุ่น ภปร.ที่นำผ้าทิพย์และพระปรมาภิไธยย่อ ภปร.ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาประดิฐไว้ที่ผ้าทิพย์ด้านล่างขององค์พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปที่มียอดสั่งจองจำนวนมาก มีพระเกจิอาจารย์ทั่วฟ้าเมืองไทยมาพุทธาภิเษกรุ่นนี้เยอะที่สุด รวมไปถึง พระพุทธชินราชมาลาเบี่ยง และการจัดแสดงพระเก่าก่อนปี พ.ศ.2520 ที่ จ่าสิบเอกทวีฯ ได้ปั้น อาทิ พระพุทธชินราช พิธีมหาจักรพรรดิ์ ที่สร้างในปี พ.ศ.2515 รุ่น มวก.และรุ่นอื่นๆอีกหลากหลาย
รวมไปถึงการจัดแสดงพระพุทธชินราช นวัฒกรรมใหม่ ที่พัฒนาเทคนิคการเคลือบผิว ให้องค์พระมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น คือ การเคลือบผิวทองคำบริสุทธิ์ 99.9% องค์พระจะสวยงาม เป็นนวัฒกรรมสะอาด ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เคลือบในเตาสุญญากาศด้วยทองคำแท่งบริสุทธิ์ ค่อยหลอมละลายให้เป็นน้ำ ห้องที่จัดทำจะเป็นห้องสุญญากาศ กว้าง 1.50 เมตร โดยบรรจุองค์พระเข้าไป โดยใช้ไอออนยิงเข้าไปที่แท่งทองคำ เพื่อให้ไอออนทองคำหลุดลงมาเคลือบองค์พระ ลวดลายต่างๆ ที่อยู่บนองค์พระจะครบสมบูรณ์แตกต่างจากการปิดทอง ซึ่งการนปิดทองหากขูดขีดแล้วจะสามารถลอกได้ บางจุดที่เป็นรายละเอียดขนาดเล็กจะหายไป โดยนวัตกรรมใหม่นี้จะประหยัดกว่าการปิดทอง 20-30% เก็บรายละเอียดได้เยอะกว่า และสวยงามกว่า
จากนั้นได้มีพิธีมหาพุทธาภิเษก พระพุทธชินราชบูชา รุ่น 666 ปี ทวีโชค โดยสกุลช่างพิษณุโลก เพื่อหารายได้ในจัดสร้างหอศิลปาจารย์ และส่วนหนึ่งเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาที่ยากจน โดยในนามมูลนิธิจ่าสิบเอกทวี -พิมพ์ บูรณเขตต์สำหรับผู้สนใจสามารถสั่งจองพระพุทธชินราชจำลองรุ่น 666 ปี “ทวีโชค” โดยพระพุทธชินราชจำลอง จะจัดสร้างมีหน้าตัก 5.9 นิ้ว 9 นิ้ว และ12 นิ้ว โดยผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองได้ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี 063-6683555 และ 081-8862886
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี