จากกรณีที่มีประเด็นข่าวการจัดงานคอนเสิร์ตหมอลำภายในวัดสระกำแพงใหญ่ ต.สระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ โดยมีการปล่อยให้มีการจำหน่ายเหล้า เบียร์ ภายในวัด ข้างโรงเรียน มีการจัดงานหมอลำภายในวัด โดยปล่อยให้มีการจำหน่ายเหล้า เบียร์ ภายในวัดอย่างเปิดเผยโดยไม่เกรงใจใคร ซึ่งวัดดังกล่าวถือเป็นวัดที่เป็นแห่งท่องเที่ยวสำคัญทางพระพุทธศาสนา มีทั้งโบราณสถานที่สำคัญ คือปราสาทหินวัดสระกำแพใหญ่ ที่มีอายุนับพันปีและภายในวัดยังมีโรงเรียนพระตั้งอยู่ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 มิ.ย.66 พระมหา ดร.ชัชวาลย์ โอภาโส ป.ธ.9 รองเจ้าคณะอำเภออุทุมพรพิสัย เจ้าอาวาสวัดสระกำแพงใหญ่ เปิดเผยว่า งานดังกล่าวทางวัดไม่ได้มีการจัดงานแต่อย่างใด เป็นเพียงทางผู้จัดงานมาขอใช้สถานที่ในการจัดหมอลำ โดยไม่ได้มีการตกลงอะไรกันเลยกับทางผู้จัด ทั้งเรื่องเงินบริจาคช่วยทางวัดก็ไม่ได้มีการตกลงอะไรกัน พอทางคณะผู้จัดมาขอใช้สถานที่ทางวัดเห็นว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เลยอนุเคราะห์ให้ใช้สถานที่กับทางคณะผู้จัด ส่วนเรื่องการขายสุรา เหล้า เบียร์ ภายในวัดนั้นทางวัดเคยประชาสัมพันธ์บอกไปแล้วว่าอย่าให้มีการจำหน่าย พอมีเหตุการณ์แบบนี้ออกมาทางวัดก็ไม่รู้เรื่อง เพราะผู้จัดเป็นคนจัดการดูแลเอง ทางวัดมีเพียงอนุญาตให้ใช้สถานที่เพียงเท่านั้น และเคยบอกห้ามแล้วว่าอย่าให้มีการจำหน่ายเหล้า เบียร์

ด้าน พ.ต.อ.นิลกาฬ พรศักดิ์ ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการจัดงานหาเงินสมทบทุน หารายได้ช่วยค่าอาหารของพระสงฆ์ และช่วยการศึกษาของพระสงฆ์ของโรงเรียนวัด ซึ่งก่อนจัดงานทางตำรวจได้มีการเน้นย้ำไม่ให้นำเหล้า เบียร์ มาขายภายในวัด แต่พอถึงเวลาจัดงานกลับมีร้านค้าที่ไม่เชื่อฟังนำเหล้า เบียร์ มาจำหน่ายภายในวัด พอเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบก็ได้มีการสั่งการให้เข้าไปจับกุมร้านค้าที่กระทำผิด ซึ่งสามารถจับกุมได้ 3 รายโดยเบื้องต้นได้มีการปรับรายละ 3 พันบาท ซึ่งตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด

ขณะที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ ระบุว่า เบื้องต้นอำนาจหน้าที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนา ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการ หรือห้ามไม่ให้วัดมีงาน จัดงานต่างๆ มีเพียงช่วยเหลือทางวัดให้ถึงส่วนราชการต่างๆ หรือตรวจสอบวัดว่าผิดระเบียบ ผิดข้อบังคับอะไร เพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องขายเหล้า เบียร์ ภายในวัดเป็นอำนาจของปกครองและสาธารณสุข ไม่ใช่ของสำนักงานพระพุทธศาสนา แต่อย่างใด

ทางด้านนายสำรวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วนแล้ว เพื่อดำเนินการตามระเบียบกฎหมายอย่างจริงจังไม่มีละเว้นต่อไป - 003