‘ศศิน’เล่าเรื่อง 20 ปี สำรวจแนวเขต ‘คนอยู่กับป่า’ แก้ปัญหาขัดแย้ง ขอบคุณทุกฝ่ายพาเดินทางมาไกล
12 มิ.ย. 2566 นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานกรรมการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้
เมื่อสามปีที่แล้ว
ภาพจากโพสต์ของจิ๊ฟ อดีตผู้ช่วยคนเก่งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ที่ผมคร็อบมานี่ผมจะถือเป็นความสำเร็จมากที่สุดในหน้าที่การงานของผมด้วย
ปี 2546 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ผมทดลองเดินแนวเขตกับพื้นที่เตรียมการอุทยานแห่งชาติลำคลองงูกับทีมงานของสำนักบริหารจัดการพื้นที่อนุรักษ์ที่สาม ซึ่งมีหัวหน้าพื้นที่ชื่อพี่ฉี หรือหัวหน้า ธรรมรัฐ วงศ์โสภา ตอนนั้น บอย Goodie Goodie เป็นหัวหน้าภาคสนาม แป๊ะ พงษ์ศักดิ์ ม่วงงาม เป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามคนแรกของเรา ผมยังสอนหนังสือ ลางานมาเดินด้วยหลายวัน แต่แป๊ะหนักสุด ทั้งสำรวจพื้นที่นำก่อน ทั้งดูแลชาวบ้าน ห้ามศึกใหญ่น้อยระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่มากมายหลายวีรกรรม
จากงานนำร่องครั้งนั้นได้แผนที่ขอบเขตชุมชนคลิตี้ล่าง
ทำให้หัวหน้าฉีจัดการพื้นที่อย่างมีส่วนร่วมกับชาวบ้านได้ง่ายกว่าเดิม
ไม่ต้องไปจับชาวบ้านรุกป่า ชาวบ้านส่วนใหญ่เมื่อได้วัดที่ทำกินแล้วก็ไม่ออกมาข้างนอกเขต มีที่ไม่เคารพกติกาบ้าง พี่ฉีก็ไปห้ามปรามร่วมกับกรรมการหมู่บ้าน
อยู่กันสงบสุขกว่าตอนไม่มีแนวเขตเยอะเลย
(ปัจจุบันพี่ฉีของผมเกษียณอายุมาทำร้านอาหารอยู่เมืองกาญฯ)
2547-2551 มูลนิธิสืบฯเสนอโครงการจัดการพื้นที่อย่างมีส่วนร่วมหมู่บ้านนำร่อง 40 หมู่บ้าน ในพื้นที่ป่าตะวันตก โดยเรียกเส้นแนวเขตว่า ฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ
ผมลาออกมารับงานผู้จัดการโครงการนี้เต็มตัว
ภายใต้คำแนะนำและทำงานร่วมกันของหัวหน้าที่ผมอยากบันทึกไว้ห้าคน
หัวหน้าครรชิต ศรีนพวรรณอุทยานแห่งชาติพุเตย เปิดฉากทำแผนที่ทำกินที่เป็นไร่หมุนเวียน บ้านห้วยหินดำ กับ ตู่ ตะวันฉาย สำเร็จ
หัวหน้าสมปอง ทองสีเข้ม ทุ่งใหญ่ตะวันออก ผู้ช่วยเราวางแนวทางตามข้อกฏหมายให้ดำเนินการได้จริงๆจังๆ ในเจ็ดหมู่บ้านทุ่งใหญ่
หัวหน้าเสถียร (จำนามสกุลไม่ได้) เขตอุ้มผาง ที่ขอให้เราช่วยทำในเจ็ดหมู่บ้านนำร่อง
หัวหน้ากมล นวลใย ที่อุทยานไทรโยค บ้านแม่น้ำน้อย
และหัวหน้าสุชัย หรดีที่ทำให้หมู่บ้านเขาเหล็ก อุทยานถ้ำธารลอดเป็นต้นแบบการสำรวจของกรมมาถึงทุกวันนี้
ตอนนั้นกำลังหลักของสืบคือหัวหน้าภาคสนามในพื้นที่ 5 โซน ที่ได้รับฉายาว่า ห้าจอมป่า
แป๊ะ เมืองกาญ
พี่ตู่ นครสวรรค์
จอตือ อุ้มผาง
นริศ สุพรรณ
ป๋าโว่ อุทัยธานี
และทีมงานอีกหลายคนที่ร่วมงานกันมาอีกสองสามรุ่น
อยู่ยาวกันมาถึงวันนี้ก็หลายคน จากไปทำงานที่อื่นก็หลายคน
2551-2555 เราขยายการจัดทำแนวเขตหมู่บ้านบนชื่อ "ฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการ" ไปอีกประมาณเก้าสิบหมู่บ้านในป่าตะวันตก
มีคำสั่งกรมอุทยานให้ร่วมกันดูแลแนวเขตโดยมิให้ขยายจากอธิบดีคนดังชื่อ ดำรงค์ พิเดช ก่อนจะเกษียณอายุในปี 2555
นับเป็นการยอมรับแนวทางจากกรมอย่างเป็นทางการครั้งแรก
ผมจำภาพ อ.รตยา จันทรเทียร นั่งกับพื้นห้องกางแผนที่ใหญ่อธิบายเรื่องราวให้อธิบดีดำรงค์ฟัง จนแกต้องลงมาคุกเข่านั่งกับพื้นด้วยติดตา
หลังจากนั้นเราผลักดันแนวทางการจัดทำแนวเขตร่วมกันโดยการเดินสำรวจแบบนี้กับกรมอุทยานมาตลอดแต่ก็ติดขัดที่ยังไม่มีกฏหมาย ที่สืบทำมาก็เป็นแค่โครงการนำร่องเมื่อสิ้นสุดโครงการก็หมายความว่าสิ้นสุดการบริหารจัดการแบบนี้ไปด้วย
มูลนิธิเองก็หมดเงินทำงาน เพราะที่ทำได้เนื่องจากเราได้ทุนจากเดนมาร์คมา เขาสิ้นสุดโปรแกรมช่วยเหลือไปตั้งแต่ 2552
พวกเรากัดฟันสู้หาเงินมาทำงานต่อ ดีที่ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ปตท. ช่วยมา เลยสามารถต่อโครงการมาเรื่อยๆกับกรมอุทยานเพื่อคงสภาพฐานข้อมูลมาอีก
ใช้เงินเดนมาร์กไปอย่างคุ้มค่าราวๆ 65 ล้าน ใช้เงินไทยๆไปอีกเกือบร้อยล้าน ไม่รู้ไประดมทุนอะไรมาได้ แต่กระนั้นมูลนิธิก็แทบเจ๊งเหมือนกันเราทุ่มสุดตัวจริงๆ
ต้องขอบคุณคุณนิ้งเจ้าหน้าที่สถานฑูตเดนมาร์คที่เห็นผลงานและผลักดันทุนให้เรามาตลอด และถ้าไม่มีคุณสี่ วัชรมงคล เบญจธนฉัตร เข้ามาชวนผมไปหาแหล่งทุนต่างๆก็คงหมดเงินทำไปตั้งนานแล้ว
จนกระทั่งปี 2557 มีคำสั่ง คสช. ไม่ให้ขยายรุกป่า แต่อย่าจับกุมคนยากไร้ โดนคำสั่งระบุว่า หากรุกป่าเพิ่มจากนี้ต้องจับหมดรวยจนไม่เว้น นั่นคือ ให้ทำกินจนถึงปี 57
ดีที่เส้นฐานข้อมูลในป่าตะวันตกยันไว้ตั้งแต่ก่อนปี 2552 ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งนี้มา แนวเขตเราก็นิ่งอยู่เป็นส่วนใหญ่
หัวหน้าสมปอง ขยับมาเป็นผู้อำนวยการส่วนสัตว์ป่า ก็ทดลองใช้วิธีนี้กับหมู่บ้านกิ่วสามล้อที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น
โดยใช้คำสั่ง 66/57 มาเป็นเครื่องมือสำรวจแนวเขต
ผลการทำงานที่กิ่วสามล้อผมกับ ผอ.สมปองนำมาเป็นตัวอย่างเสนอให้กรมอุทยานใช้เป็นแนวทางจัดการพื้นที่ โดยความเห็นชอบจากรัฐมนตรีสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์และอธิบดีธัญญา เนติธรรมกุล เพื่อแก้ปัญหาความล่าช้าของการสำรวจข้อมูลตามมติ ครม. 41 ที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเสร็จสิ้นลงตัวเสียที โครงการนี้ผมมีส่วนเป็นที่ปรึกษาโครงการอยู่เกือบสองปี
ในที่สุดต้นปี 62 แนวเขตชุมชนในป่าอนุรักษ์ก็ได้สำรวจกรอบไว้สำเร็จ ก่อนเปลี่ยนรัฐบาลที่แล้ว นับชุมชนได้ 4,000 แห่งทั่วประเทศ มีคนในชุมชนน่าจะเกินสองล้านคน
มูลนิธิสืบฯสนับสนุนแนวทางนี้เต็มที่ เราภูมิใจที่มีส่วนช่วยสนับสนุนงบประมาณจัดพิมพ์แผนที่ทั่วประเทศไปหลายแสนบาท เพราะช่วงนั้นงบประมาณไม่ได้ตั้งไว้ จนมีแผนที่ให้อธิบดีใช้ทันมอบให้หัวหน้าในช่วงปลายของรัฐมนตรีสุรศักดิ์
ในขณะเดียวกัน กรมอุทยานฯก็เสนอแก้กฏหมายให้มีมาตรารองรับการทำงานกับชุมชนโดยสำรวจแนวเขตและให้สิทธิ์ชุมชนอยู่อาศัยได้ตามกฏหมาย ผมโชคดีที่มีโอกาสเป็นคณะทำงานตั้งแต่ร่างกฏหมายมาตรานี้ และได้ร่วมเป็นกรรมาธิการก่อนที่กฏหมายจะถูกปรับแก้จนลงตัวผ่านออกมาเมื่อกลางปี 2562
กฏหมายระบุให้กรมอุทยานเร่งสำรวจสิทธิเป็นรายครอบครัวให้เสร็จสิ้นเพื่อออกเป็นพระราชกฤษฎีกา หลังจากนี้ 240 วันในช่วงปลายเดือนหน้า
ผมมีส่วนร่วมกับงานใหญ่นี้มาตลอด เพราะเป็นภาระกิจหลักที่ลาออกจากอาชีพสอนหนังสือ ก็มาทำงานนี้แหละครับ เกือบยี่สิบปีกว่าจะมาถึงวันนี้จนได้
ไม่ใช่สืบทำองค์กรเดียวครับ เราก็เดินไปพร้อมกับอีกหลายแห่งที่ทำงานกับพี่น้องชาวบ้าน ทั้งมูลนิธิเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน สมาคมหยาดฝน มูลนิธิเซฟอันดามัน มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ มูลนิธิรักษ์ไทย และองค์กรอื่นๆ เป้าหมายเพื่อให้อยู่ได้อย่างสันติกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้เสียที ป่าและสัตว์ป่าเมื่อมีแนวเขตชุมชนก็จะถูกรุกน้อยลง
เรื่องใหญ่ๆมาไกล เหลือปัญหาบ้างเป็นธรรมดา หวังว่าไม่นานจะลงตัวได้
อีกราวๆสี่เดือนผมจะหมดหน้าที่ได้ทำงานที่มูลนิธิสืบฯ แต่มาขนาดนี้ผมว่าพวกเราที่ร่วมกันทำมาตายตาหลับแล้วครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี