สองสามีภรรยาพาตัวเองหนีโควิดและไปรักษาอาการป่วยของสามีที่บ้านไร่ห่างไกลผู้คน พร้อมตัดโค่นต้นยางพารา หันมาปลูกกระเจี๊ยบเขียว พืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีดอกสวยงาม อุดมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามินหลายชนิด แถมปลอดภัยจากสารเคมี นอกจากจะขายดีสร้างรายได้กว่า 400-500 บาทต่อวันแล้วยังหายป่วยเพราะได้อากาศที่บริสุทธิ์อีกด้วย

ที่สวนของนางสุภาภรณ์ จันทฤทธิ์ อายุ 52 ปี ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านช่องหาร ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ได้ตัดโค่นต้นยางพาราเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ในช่วงที่มีโควิด-19 ระบาดแล้วหันมาปลูกพืชผักพื้นบ้านปลอดสารเคมีหลากหลายชนิด แต่ที่สร้างรายได้ให้อย่างเป็นกอบเป็นกำคือกระเจี๊ยบเขียวพันธุ์แม่โจ้ มีลำต้นสูง ฝักใหญ่ ให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 90 ฝักต่อต้น ซึ่งรอบนี้ปลูกไว้จำนวน 400 ต้นเริ่มเก็บขายได้แบบวันเว้นวัน โดยมีแม่ค้าสั่งซื้อล่วงหน้าครั้งละไม่ต่ำกว่า 20 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 40 บาท สร้างรายได้เฉลี่ยวันละ 400-500 บาท สำหรับกระเจี๊ยบเขียว ใช้เวลาปลูกประมาณ 45 วันก็เริ่มเก็บขายได้แล้ว

โดยส่วนใหญ่กระเจี๊ยบเขียวไม่มีโรคและแมลงรบกวน ซึ่งดอกกระเจี๊ยบเขียวมีสีเหลืองอ่อน โคนกลีบดอกด้านในสีม่วงอมแดง บานคล้ายดอกชบา มีสรรพคุณในการช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบ ไฟเบอร์สูง เป็นยาระบายอ่อน ๆ ลดระดับไขมันและคลอเรสเตอรอลในเลือด ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งกระเจี๊ยบเขียวนิยมรับประทานคู่กับน้ำพริก ใช้เป็นผักลวกจิ้ม ชุบแป้งทอด ทำกระเจี๊ยบตากแห้ง ผัดไข่ แกงส้มและอีกสารพัดเมนู

นางสุภาภรณ์ เล่าว่า ตอนแรกตั้งใจจะมาปลูกทุเรียน แต่พอดูทีวีพบโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 ซึ่งล้มลุกคลุกคลานมากว่าจะถึงจุดนี้ก็หลายครั้งหลายคราว ส่วนสาเหตุที่มาปลูกผักเป็นช่วงที่มีโควิดระบาด สามีก็มาล้มป่วยด้วยโรคหลายโรค สุดท้ายตอนนี้หายแล้ว หมอนัดแค่ปีละครั้งแล้ว เชื่อเป็นผลจากการอยู่กับผักปลอดสารพิษ โดยครั้งแรกต้องการจะปลูกกินเอง แต่พอเหลือกินก็พาไปในตลาด เพื่อน ๆ ก็เข้ามาชม ทำให้ตอนนี้ผลตอบรับดีมาก มีไม่พอขาย โดยเชื่อว่ากระเจี๊ยบสามารถรักษาโรคเบาหวานและโรคกระเพาะอาหาร กินบ่อย ๆ ก็จะหายเพราะมีเมือกไปเคลือบกระเพาะอยู่ - 003