ชาวบ้านตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ น้ำตาซึม ศาลเจ้าแม่เก่าแก่อายุกว่า 200 ปีพังถล่มลงไปกองกับดินหลังถูกพายุฝนพัด บ้านเรือนชาวบ้านโดนด้วยเกือบ 10 หลังคาเรือน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 พ.ย.66 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 8 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีบ้านเรือนประชาชนถูกพายุฝนพัดถล่มทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือนและที่หนักสุดเป็นศาลเจ้าแม่อาม้าซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี พังถล่มลงมากองกับดินข้าวของเครื่องใช้ถูกโครงศาลทับจนพังเสียหายจึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ
โดยพื้นที่ดังกล่าวต้องนั่งเรือหางยาวเข้าตรวจสอบโดยใช้เวลาเดินทางกว่า 1 ชั่วโมงเนื่องด้วยในพื้นที่ไม่มีถนนต้องใช้เรือเป็นยานพาหนะในการเดินทางเพียงเท่านั้นจึงจะถึงจุดเกิดเหตุ โดยบริเวณบ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 12 ต.แหลมฟ้าผ่า ซึ่งเป็นบ้านไม้ขนาด 2 ชั้นถูกแรงลมพายุพัดจนหลังคาเปิดหายไปเกือบครึ่งหลัง ไม่ชายคาบ้านพังหลุดลงมากองกับพื้น เศษกระเบื้องและเศษไม้หล่นเกลื่อน ห่างกันประมาณ 80 เมตร พบบ้านชั้นเดียวปลูกแบบเพิงหลังคาจาก พบบริเวณข้างบ้านถูกลมพายุพัดจนพังเสียหาย หลังคาบ้านถูกกิ่งไม้ของต้นตะบูรหักล้มทับได้รับความเสียหาย ห้องน้ำซึ่งอยู่บริเวณนอกตัวบ้านถูกแรงลมพายุพัดจนหลังคาพังลงมา ส่วนบ้านข้างเคียงอีก 4 หลังได้รับความเสียหายเล็กน้อย
จากการสอบถามนายมานะ อายุ 65 ปี อยู่หมู่ที่ 12 ต.แหลมฟ้าผ่า ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนอยู่บ้านเพียงคนเดียว ช่วงเวลาประมาณ 17.30 น.วานนี้ (10 พ.ย.66) ในพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักประกอบเบาบางในระหว่างที่ตนกำลังนั่งซักผ้าอยู่ข้างบ้าน จู่ๆ ได้มีลมพายุพัดมาอย่างรุนแรงนานกว่า 20 นาที ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบทิ้งเสื้อผ้าที่กำลังซักวิ่งหนีเข้ามาหลบในบ้านก่อนที่จะได้ยินเสียงลมพัดกระทบกับตัวบ้านเสียงดังสนั่นก่อนที่จะเห็นกระเบื้องบ้านตนปลิวไปกับสายลมหลายแผ่นโดยบางแผ่นยังปลิวไปโดยบ้านข้างเคียงได้รับความเสียหายด้วย หลังลมและฝนสงบจึงรีบวิ่งขึ้นไปดูบนบ้านพบกระเบื้องหลังคาปลิวหายไปเกือบครึ่งหลัง ไม้ชายคาบ้านหักโค่นลงมากองกับพื้น หลังเดินสำรวจรอบบ้านเสร็จจึงได้โทรศัพท์แจ้งผู้ใหญ่บ้านให้มาตรวจสอบในช่วงเช้า เนื่องจากฟ้าเริ่มมืดและเดินทางมาตรวจสอบลำบาก
ในส่วนพื้นที่หมู่ที่ 8 บ้านแหลมสิงห์ ต.แหลมฟ้าผ่า ซึ่งเป็นอีก 1 พื้นที่ที่ถูกลมพายุฝนพัดกระหน่ำทำให้ศาลเจ้าแม่อาม้าที่อยู่คู่ชุมชนมานานกว่า 200 ปี ถูกพายุพัดจนพังถล่มลงมากองกับพื้นที่ โดยศาลดังกล่าวมีขนาดความกว้าง 8 เมตร ยาว 8 เมตร ข้าวของเครื่องใช้ภายในศาลเจ้าถูกหลังคาหล่นทับเสียหายไม่มีชิ้นดีโชคดีที่องค์เจ้าแม่อาม้าไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายเล็กน้อยเพียง 1 หลัง
รสอบถาม นายอนุรัตน์ อายุ 47 ปี คณะกรรมการศาลเจ้าแม่อาม้า เล่าให้ฟังด้วยเสียหน้าเศร้าน้ำตาซึมว่า ศาลเจ้าแม่อาม้าอยู่คู่กับชุมชนแห่งนี้มานานกว่า 200 ปีตั้งแต่ตนเองยังไม่เกิดโดยรุ่นพ่อของพ่อและของพ่อเล่าขานต่อกันมาเรื่อยๆว่า แต่ก่อนนี้ชุมชนและศาลดังกล่าวอยู่ในทะเลแหลมสิงห์แต่ถูกทะเลกัดเซาะเข้ามาทำให้ชุมชนต้องล่าถอยขึ้นมาบนฝั่งจำนวน 3 ครั้งในปัจจุบัน
โดยศาลาดังกล่าวเป็นที่นับถือของคนในชุมชนเมื่อครั้งจะออกทะเลทำประมง จับปลา ลากหอย และกิจการอื่นๆชาวบ้านจะมาไหว้ขอพรและสำเร็จทุกราย และในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ชาวบ้านจะช่วยกันจัดงานประจำปีเพื่อหางบมาบูรณะซ่อมแซมศาลดังกล่าวเป็นประจำทุกปี ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดเหตุขึ้นเมื่อช่วงค่ำวานนี้ในพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมพายุพัดกรรโชกมาอย่างรุนแรงก่อนที่พัดศาลเจ้าแม่พังถล่มทั้งหลัง ซึ่งหลังจากนี้คงต้องให้คนในชุมชนช่วยกันออกเงินสร้างศาลให้เจ้าแม่ใหม่คงต้องใช้เงินจำนวนมากในการสร้างเนื่องจากทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี