ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวถึงโครงการปฏิบัติการอบรม “หลักสูตรพี่เลี้ยงการเงินและรู้ทันพนัน”ว่า หลักสูตรที่นำมาใช้เป็นหลักสูตรแบบเข้มข้นที่ใช้เวลาเพียง 1 วันจึงออกแบบกิจกรรมโดยนำเกมการเรียนรู้มาผสมผสานเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายจากการลงมือปฏิบัติจริง โดยองค์ความรู้หลักที่นำมาใช้ออกแบบหลักสูตรมาจากสองหน่วยงาน
แบ่งเป็น 1.ความรู้เรื่องการปลดหนี้ จากบริษัท เงินติดล้อจำกัด มหาชน กับ 2.การใช้เกมเรียนรู้ ได้แนวคิดมาจากเกม “The Choice-ทางเลือกทางรอด” ของศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ดูแลงานโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเพิ่มเติมองค์ความรู้เรื่องการรู้เท่าทันพนันที่มูลนิธิฯ นักวิชาการ และภาคีเครือข่ายได้วิจัยและพัฒนามาเข้าไปเป็นอีกส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ ปัจจุบันมีแนวโน้มว่าฝ่ายการเมืองชูแนวคิด Soft Power ผลักดันให้เกิดการพนันถูกกฎหมายเพิ่มมากขึ้น
ทั้งการผลักดันกาสิโนอันเป็นแหล่งพนันขนาดใหญ่ การขยายขนาดของการพนันพื้นบ้านต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมทั้งการเสนอให้การพนันออนไลน์เป็นสิ่งถูกกฎหมาย สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ ได้จริงหรือไม่ คงเป็นเรื่องที่ต้องเรียกร้องให้มีการศึกษาผลกระทบทางสังคมก่อน เพื่อนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งต้องเป็นการตัดสินใจร่วมของประชาชน ไม่ใช่โดยฝ่ายการเมืองเพียงฝ่ายเดียว
“อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องอยู่กับสังคมที่มีการพนันอยู่แล้ว จึงควรมีการสร้างเสริมทักษะการรู้เท่าทันพนันให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งที่อาจก่อให้เกิดโทษภัยได้โดยไม่ถูกทำร้าย เป็นการสร้าง Soft Skill ให้แก่ประชาชน รองรับการมุ่งใช้ Soft Power ของฝ่ายนโยบาย แต่ต้องสร้างความพร้อมทางสังคมขึ้นมาก่อน”เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าว
ผลสำรวจโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าครัวเรือนไทย พบมีหนี้โดยเฉลี่ยกว่า 500,000 บาท/ครัวเรือน ร้อยละ 80 เป็นหนี้ในระบบ เช่น กองทุนสวัสดิการชุมชน ธ.ก.ส. และอื่นๆ อีกเกือบร้อยละ 20 เป็นหนี้นอกระบบซึ่งมีความเสี่ยงอย่างมากขณะที่ปัจจัยซ้ำเติมที่ก่อให้เกิดหนี้อย่างการเล่นพนันหรือเสี่ยงโชคก็มีปริมาณการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว โดยศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยผลสำรวจในปี 2564 พบว่า คนไทย 32 ล้านคน หรือร้อยละ 60 เล่นพนันที่สำคัญคือการพนันออนไลน์ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว
ผลที่ตามมาคือร้อยละ 15 ของคนที่เล่นพนันหรือเกือบ 5 ล้านคน ได้รับผลผลกระทบจากการพนัน ทั้งปัญหาหนี้สิน ปัญหาด้านสุขภาพเกิดจากความเครียด นอนไม่หลับเพราะหมกมุ่นและวิตกกังวล และปัญหาสัมพันธภาพในครอบครัวและคนใกล้ตัวที่ตามมาด้วย ดังนั้น การฉีดวัคซีนความรู้ด้านการบริหารการเงินและการสร้างภูมิรู้เท่าทันพนัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จำเป็นสำหรับทุกชุมชน
จึงมีการนำร่องใน 9 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี เลย น่าน พะเยา ลำปาง และพัทลุง สร้างพื้นที่ต้นแบบสร้างการเรียนรู้ให้แก่ผู้เข้าร่วมอบรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ปฏิบัติงานชุมชน เช่น ผู้แทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นผู้นำชุมชน อสม. กลุ่มออมทรัพย์ หรือกลุ่มสวัสดิการชุมชน ตัวแทนเยาวชน และภาคประชาสังคม รวมถึงนักวิชาการที่สนใจ
วราวุฒิ หน่อคำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลำปาง กล่าวว่า “การอบรมเรื่องการบริหารจัดการเงิน และปลดหนี้ เป็นหลักสูตรการอบรมที่เป็นประโยชน์มาก และเป็นเรื่องจำเป็นในทุกครัวเรือนที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจ” เป็นทักษะชีวิตอย่างหนึ่งที่ต้องทำได้ทำเป็นเกี่ยวกับการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ที่สำคัญต้องหมั่นสังเกตการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ให้เกินตัว การดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ โดยเฉพาะการเล่นพนันซึ่งรวมทั้งการซื้อหวยและลอตเตอรี่ ถ้าเลี่ยงหรือลดได้ ก็สามารถลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นหรืออาจเกิดหนี้เพิ่มจากการพนัน
วิทยากรหลักของโครงการฯ สุจิตรา ฝาสันเทียะ ผู้จัดการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า การปลดหนี้เปรียบเหมือนการดูแลสุขภาพ การจะรู้ว่าเรามีสุขภาพทางการเงินดีหรือไม่ดีอย่างไรต้องใช้เครื่องมือวัดสองตัวคือ 1.ทำงบรายรับ-รายจ่ายประจำ เปรียบเสมือนการดูแลการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อจะรู้ว่าเราใช้ชีวิตอย่างมีรูรั่วทางการเงินที่จุดใด ใช้จ่ายเกินตัว บริโภคเกินกำลังสร้างหนี้โดยไม่จำเป็นหรือไม่
2.ทำงบสินทรัพย์และหนี้สินอย่างน้อยปีละครั้ง ซึ่งเปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้รับรู้ทั้งด้านความมั่นคง-มั่งคั่ง และภาระหนี้สินประเภทต่างๆ ที่มี ซึ่งมีทั้ง “หนี้ดี” ที่อาจก่อให้เกิดความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นในอนาคต และ “หนี้ร้าย” ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งทางการเงิน บั่นทอนสุขภาพทางการเงินได้ ทุกคนควรมีความรู้ว่าหนี้แต่ละตัวถูกคิดดอกเบี้ยแบบไหน และเราควรต้องจัดการหนี้แต่ละแบบอย่างไร และต้องทำอย่างไรจึงจะปลดหนี้แต่ละตัวได้
“ยิ่งรู้เร็ว ยิ่งรู้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงานยิ่งมีประโยชน์มาก การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐก็จริง แต่หากจำเป็นต้องสร้างหนี้ก็จำเป็นต้องรู้คาถาสำคัญ คือ จำเป็นแค่ไหน พร้อมหรือไม่และมีประโยชน์แน่หรือ ถ้าท่องคาถานี้ก่อนการสร้างหนี้ หนี้ตัวนั้นก็จะไม่น่าจะกลายมาเป็นมะเร็งร้ายในอนาคต” สุจิตรา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี