12 พฤศจิกายน 2566 ได้มีโอกาสเดินทางไปที่บ้านคำพระ ตำบลคำพระ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อทำบุญสร้างกุศลฟังธรรมเทศนากับเจ้าอาวาสวัดบ้านคำพระ ถือว่าเป็นวัดขนาดเล็ก มีพระสงฆ์ 4 รูป ไม่มีสามเณร ไวยาวัชกร 1 คน สังกัดมหานิกาย บนเนื้อที่ 10 ไร่เศษ ประกอบด้วย กุฏิ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง เมรุ เป็นต้น
ที่โดดเด่นดึงดูดใจพุทธศาสนิกชนมาก คือการเดินทางเข้ามานมัสการพระโตโคตมะเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึง เข้ามาสัมผัสขอโชคลาภจากต้นยางยักษ์ อายุ 1,000 ปี ขนาดกว้างโดยรอบ 5 คนโอบรอบ ความสูงกว่า 50 เมตร มีความสมบูรณ์ตลอดลำต้น ตั้งอยู่ด้านหลังในพื้นที่ของวัดบ้านคำพระ ใกล้กับเมรุ ว่ากันว่า สมัยก่อน ในช่วงวันพระกลางดึก จะพบเห็นลูกไฟหลากหลายสี ลอยออกมาจากโคนต้นยางยักษ์ แล้วเข้าไปในอุโบสถวัดบ้านคำพระ
จากนั้น ใกล้สว่างลูกไฟจะลอยกลับเข้าไปที่โคนต้นยางยักษ์เหมือนเดิม ซึ่งชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้วัด พบเห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาตินี้ทุกคน จึงได้มีการเล่าขานติดต่อกันมาหลายชั่วอายุคนกระทั่งปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีชาวเขมรเรียกว่า หมอเขมร เก่งเรื่องไสยศาสตร์ มาพักอยู่ใกล้ต้นยางยักษ์ เป็นคนจ้ำ คือผู้นำกล่าวเป็นภาษาเขมร ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ในต้นยางยักษ์ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเรื่องขอฝนทำนาและอื่นๆ ทว่าปัจจุบันคนจ้ำเสียชีวิตไปนานแล้ว ทว่ามีคนเข้าไปทำพิธีอธิษฐานขอโชคลาภต่อต้นยางยักษ์เป็นประจำ
เจ้าอาวาสวัดบ้านคำพระ ต.คำพระ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า วัดบ้านคำพระ เป็นวัดขนาดเล็ก มีพระสงฆ์ 4 รูป เนื้อที่ 10 ไร่ 3 งาน จึงต้องมีการทำสิ่งปลูกสร้างที่จะจูงใจ ดึงดูดใจให้พุทธศาสนิกชน ญาติโยมทั้งหลาย เข้ามาวัดมากขึ้น โดยการก่อสร้างพระพุทธรูป นามว่า พระโตโคตมะ ปางมารวิชัย สีทอง ขนาดหน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 5 เมตร 1 องค์ และพระโตโคตมะปางมารวิชัย สีขาว หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 4 เมตร 2 องค์ เพื่อเป็นศูนย์รวมใจชาวบ้านคำพระและใกล้เคียง ได้เข้ามาทำกิจกรรมทางศาสนารวมถึงการทำอุปกรณ์หาปลาขนาดใหญ่ เช่น ไซดักปลา ข้องใส่ปลา เป็ดตกปลา หรี่ดักปลา ฯลฯ เพื่อให้เยาวชนลูกหลานในหมู่บ้านเข้ามาศึกษาเรียนรู้ เครื่องมือหาปลาในสมัยโบราณ ซึ่งทุกวันนี้เริ่มจะหาดูได้ยาก
พระนักเทศน์เสียงทอง เจ้าอาวาสวัดบ้านคำพระ เทศนาว่า มนุษย์บางจำพวกหวงแหนร่างกายของตน ปรารถนาแต่จะบำรุงชีวิตร่างกายของตนให้เป็นสุขอย่างเดียว ไม่แลเหลียวความทุกข์ของผู้อื่นและสัตว์ทั้งหลายอื่นบ้าง จึงแสวงหาเลี้ยงชีวิตทางไม่ชอบธรรม ฆ่าสัตว์ทั้งหลายโดยไม่เลือกหน้าบ้าง ลักของเขาบ้าง ประพฤติผิดในกามบ้าง กล่าวมุสาวาทาบ้าง ดื่มกินซึ่งสุราเมรัยบ้าง พระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนให้มีศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ เพราะเห็นว่าเป็นของรักษายากจนวิสัย รักษาไม่ได้อันกระทำบาปต่างๆ ซึ่งเป็นของยากกลับเห็นเป็นของง่าย ข้อนี้อย่างไร การกระทำบาปทั้งปวง ซึ่งบุคคลบางจำพวกเข้าใจว่า กระทำได้โดยง่ายนั้น เป็นความเข้าใจผิด คือการฆ่ามนุษย์หรือฆ่าสัตว์แม้แต่ละตัวๆต้องไปทนทุกข์อยู่อบายภูมิทั้ง 4 มีตกนรก เป็นต้น เสวยทุกข์เวทนาไม่น้อยเลย มิหนำซ้ำยังเป็นกรรมเป็นเวรติดตัวไปให้เขาฆ่าถึง 500 ชาติ การลักของเอามาเป็นของตนผิดกฎหมายแผ่นดิน ถ้าเจ้าพนักงานจับได้ก็ต้องติดคุกติดตาราง มิหนำซ้ำยังต้องตกลงสู่อบายภูมิทั้ง 4 ต่อไปอีก การประพฤติผิดในกาม และกล่าวมุสาวาทา ตลอดดื่มสุราเมลัย ล้วนแต่เป็นโทษติดตามตน ทำให้ตกทุกข์ได้ยากทุกประการ ล้วนเป็นของยากทั้งนั้นและเข้าใจว่าเป็นของง่ายอย่างไร
ความจริงการทำบุญกุศล การรักษาศีล เจริญภาวนา เป็นของทำได้ง่ายกว่าทำบาปหลายพันเท่าพันทวี สบายทั้งเวลาทำ สบายทั้งเวลาได้รับผล เป็นสุขสบายด้วย กล่าวคือ การรักษาศีล ไม่ต้องทำการบาปอกุศลทุกอย่าง ฆ่าสัตว์ไม่ต้องฆ่า ลักของไม่ลัก ประพฤติผิดในกามเราไม่ต้องประพฤติ กล่าววาจามุสาวาทาเราไม่กล่าว ดื่มกินซึ่งสุราเมรัยเราไม่ดื่มกิน รักษากาย วาจา และจิตใจให้ตั้งอยู่ในความเป็นปกติปราศจากโทษน้อย โทษใหญ่ทั้งปวง กระทำกายบริสุทธิ์ วาจาบริสุทธิ์ น้ำใจบริสุทธิ์ เท่านี้เป็นศีลอยู่ดีๆแล้ว ไม่ต้องลำบาก ลำคราญ เดือนร้อนในอะไรสักอย่าง ของทำเอาง่ายๆจะเห็นเป็นของยากอย่างไร
ถึงกระนั้นยังไม่อยากทำบุญ ไม่อยากทำทาน ไม่อยากรักษาศีล ไม่อยากภาวนา ไม่อยากประพฤติปฏิบัติพระพุทธศาสนาสืบไป จึงกลายเป็นของยาก ถ้าหากสละชีวิตตั้งใจประพฤติปฏิบัติกันจริงๆแล้ว พระพุทธศาสนาไม่เป็นของอยากลำบากอะไรเลย ทำได้จนเต็มความสามารถของตนเองทีเดียว
โดยเฉพาะ ช่วงนี้ หลายคนวิตกกังวลใจ เพราะปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า ทำให้เกิดความเครียด ไม่สบายใจ ที่ถูกต้องควรมีสติ โดยยึดคำสอนขององค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการรักษาศีล สมาธิ ภาวนา ปฏิบัติธรรมเป็นที่ตั้ง จงคิดเสมอกว่า มีเกิดต้องมีดับ ทุกคนหนีไม่พ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมาทั้งสิ้น แม้กระทั่งร่างกายไม่ใช่ของเรา ในไม่ช้าจะถูกเขาเอาไป นั่นคือความตาย ทุกคนจึงหนีความตายไม่พ้น ยากดี มี จน ต้องตายทั้งนั้น ซึ่งสังขารร่างกายจึงเป็นสิ่งไม่เที่ยงไม่จีรัง ยั่งยืน เป็นอนิจจัง ถ้าเข้าถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วจะไม่ทำให้หวาดกลัวต่ออันตรายใดๆ.012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี