ยุค 5 จี ทุกประเทศสู้กันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้นก็มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาเพิ่มมูลค่า และ เพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับการท่องเที่ยวในชุมชนของแต่ละจังหวัด แต่ก็ยังมีไม่ทิ้งกลิ่นอายวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นเสน่ห์ของแต่ละท้องถิ่น โดยล่าสุดสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้มีการนำ “เทคโนโลยีโดรน” เข้าไปเป็นไฮไลท์ให้กับการท่องเที่ยวในจังหวัดศรีษะเกษ และ เป็นการกระตุ้นรายได้ให้เกิดการท่องเที่ยว โดยมีจุดดึงดูด คือ “เทคโนโลยีโดรน”
ปี 2567 ภาครัฐเน้นกระตุ้นท่องเที่ยวชุมชน นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มเสน่ห์แต่ละพื้นที่
ล่าสุด “สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ” (วช.) ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับจังหวัดศรีสะเกษ หอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ และการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษจัดการอบรมเชิงปฏิบัติเรื่อง “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว” โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี พร้อมกับ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ นางสาวลลนา ศรีคราม รองประธานหอการค้า จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกล่าวต้อนรับ โดยร้อยตำรวจโท เนติชนม์ ยศแผ่น สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ผู้ให้ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการบินโดรน พร้อมด้วยบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ตลอดจนเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้าร่วม ณ หอประชุมสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านการศึกษา การพัฒนา และการสร้างนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับโดรน การคิดค้นและพัฒนาซอฟต์แวร์การสั่งงานโดรนแปรอักษร ได้สร้างโอกาสให้กับประเทศไทยในหลายมิติทั้งด้านการพัฒนาสมรรถนะเยาวชน ด้านการท่องเที่ยว ด้านการเกษตร ด้านการบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น ในด้านการใช้เทคโนโลยี “โดรนแปรอักษร” นี้ เป็นอีกโอกาสและการทำงานแบบบูรณาการ ที่สามารถขยายผลการดำเนินงานเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเกี่ยวกับ "โดรน" (Drone) ให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ตลอดทั้งเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาพัฒนาต่อยอดประยุกต์ใช้กับการทำงานภาคอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ในจังหวัดศรีสะเกษอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
จุดพลุ “ศรีษะเกษ”นำ “โดรน” ดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและเทศ
สำหรับ “นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล” นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยอย่างโดรนเข้ามามีส่วนช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการบินโดรน โดย “สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย” ซึ่งการอบรมเชิงปฏิบัติการกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดรนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว” นั้น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 23 พฤศจิกายน 2566 โดยมีผู้เข้ารับการอบรม 400 คน ณ หอประชุมสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ
“จะเห็นได้ว่าปัจจุบันอากาศยานโดรนเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพมากและมีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญในโลกอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งศึกษาและเตรียมความพร้อมในเรื่องโดรนให้มากขึ้น พร้อมนี้ ร้อยตำรวจโท เนติชนม์ ยศแผ่น จาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ร่วมให้ความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการบินโดรน ให้แก่บุคลากรด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ ตลอดจนเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่ว ณ หอประชุมสโมสรพนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ” นายพิศิษฐ์กล่าว
ททท.ไม่ทิ้งจุดขาย “โน คาร์บอน” ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ขณะที่ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ไม่ทิ้งเทรนด์กระแสโลกที่เน้นเรื่องบีซีจี โมเดล (BCG MODEL) และ โน คาร์บอน (No Carbon) ซึ่งในปี 2567 บริษัททั่วโลกจะต้องมีจุดยืนเรื่องการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและเพื่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ททท.จึงจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยชู 10 ชุมชนต้นแบบภายใต้โครงการ “โน คาร์บอน วิลเลจ ชาเลนจ์” (No Carbon Village Challenge)
ล่าสุด “นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ” รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล “สุดยอดชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน” ให้แก่ 10 ชุมชนต้นแบบภายใต้โครงการ “โน คาร์บอน วิลเลจ ชาเลนจ์” (No Carbon Village Challenge) พร้อมเปิดตัว 10 เส้นทางท่องเที่ยวที่เป็นแนวคิด “โน คาร์บอน วิลเลจ” ( No Carbon Village) และโปรโมชั่นส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ดีที่สุดแห่งปี เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยตามแนวนโยบายบีซีจี (BCG) เพื่อนำไปสู่การท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืน
“การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วยการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ททท. ในฐานะผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการตลาด จึงได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งในด้านการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน (Safe and Sustainable Tourism) รวมทั้งการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) จึงได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism Goals : STGsมุ่งสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model และยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวที่ใช้ทรัพยากรการท่องเที่ยวอย่างคุ้มค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการเสริมสร้างศักยภาพ พัฒนา และต่อยอด การบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) ที่เหมาะสมกับบริบท ของภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย ทั้งในส่วนผู้ประกอบการและชุมชนท่องเที่ยว มุ่งเน้นกระบวนการตามแนวคิด “ปรับ – ลด – ชดเชย” เพื่อเปลี่ยนให้กิจกรรมท่องเที่ยวของธุรกิจ/ชุมชน กลายเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ” นายอภิชัย กล่าว
ล่าสุด “ททท.” ร่วมกับภาคีเครือข่ายในห่วงโซ่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด บริษัท ปันโปรโมชั่น จำกัด บริษัท มาสเตอร์แพลน จำกัด และแพลตฟอร์ม GoGreenBooking.com สนับสนุนโครงการ “โน คาร์บอน วิลเลจ ชาเลนจ์” ( No Carbon Village Challenge ) “สุดยอดชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน” จัดประกวดสุดยอดเส้นทางท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืนแบบไร้คาร์บอน เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนจากการท่องเที่ยว การใช้พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมในชุมชน เพิ่มความตระหนักและความเข้าใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม ผสานกับความสนุกสนานจากการออกเดินทาง เรียนรู้กิจกรรมควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เพื่อให้พร้อมไปสู่การเป็นต้นแบบธุรกิจท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างแท้จริงเพื่อส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่า
โครงการฯ ได้ดำเนินการคัดเลือกและเฟ้นหา 10 ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ ครอบคลุม 5 ภูมิภาคของประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับ 10 บริษัทนำเที่ยวรักษ์โลก เพื่อร่วมสร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ยั่งยืนเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยพร้อมส่งต่อและสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืนด้วยการจัดทำแคมเปญส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์และโปรโมชั่นลดราคาในทุกการจองแพ็กเกจท่องเที่ยว 1,000 สิทธิ์แรกทันที 50% เพื่อร่วมสร้าง “วัน คลิ๊ก, บิ๊ก อิมแพค” ( One Click, Big Impact ) ไปด้วยกัน
ด้านรองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ให้เกียรติมอบโล่รางวัลเพื่อเป็นตราสัญลักษณ์แสดงศักยภาพ และความพร้อมในการเป็นต้นแบบของการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้แก่ ๑๐ ชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ (No Carbon Village Challenge) พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้แก่ทั้ง ๑๐ ชุมชนและ ๑๐ บริษัทนำเที่ยว ที่เข้าร่วมโครงการฯ อีกทั้ง ยังมีการมอบรางวัล The Best Partner and Collaboration Award สุดยอดพันธมิตรและความร่วมมือกับชุมชนต้นแบบ ให้แก่ บริษัท ฟรายเดย์ ทริป จำกัด และรางวัล The Best DMC Content Creator จากการจัดทำคอนเทนต์สร้างสรรค์เรื่องราวให้ชุมชน/สถานประกอบการใช้ส่งเสริมการขายและสร้างการรับรู้ในมุมมองที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ในแบบที่ Amazing ยิ่งกว่าเดิม สำหรับทีมของบริษัทนำเที่ยวพันธมิตรผู้ชนะเลิศ ได้แก่ บริษัท เทรคกิ้งไทย จำกัด รับเงินรางวัลมูลค่า ๑๕,๐๐๐ บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๑ ได้แก่ บริษัท สยามร้าย ทราเวล รับเงินรางวัลมูลค่า ๑๐,๐๐๐ บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ ๒ ได้แก่ บริษัท ทัวร์อินไทย แอนด์ อะเมซิ่ง แทรเวิล จำกัด รับเงินรางวัลมูลค่า ๕,๐๐๐ บาท
ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการผลงาน ๑๐ เส้นทางท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน สะท้อนภาพลักษณ์ความร่วมมือ (Collaboration) ทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเพื่อสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงเพิ่มมูลค่า สร้างจุดเด่น และเพิ่มขีดความสามารถ พร้อมนำเสนอสู่นักท่องเที่ยวให้ได้สัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานและเพลิดเพลินเกิดความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
เพราะฉะนั้น ในปี 2567 ในภาคของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย แนวโน้มของกระแสการนำ “เทคโนโลยีและนวัตกรรม” มาเป็นส่วนสำคัญในการติดปีกเสริมศักยภาพท้องถิ่น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทย และ ต่างประเทศยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และ ขณะเดียวกันจะเห็นว่า ททท. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านการท่องเที่ยวก็ไม่ทิ้งเสน่ห์ของท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด ทั้งวิถีวัฒนธรรม และ เอกลักษณ์ความเป็นไทย ทั้งวัด วาอารามต่างๆ , ผ้าไทย และ การจักสานภาชนะด้วยผักกระจูดในท้องถิ่น รวมทั้งยังเพิ่มเรื่องของการท่องเที่ยวแบบโน คาร์บอน ซึ่งเป็นเทรนด์กระแสโลกที่ทุกประเทศต้องทำอย่างไรให้ธุรกิจในประเทศของตนเข้าสู่การรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเต็มตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี