วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ ศึกษาและทำนุบำรุง‘พระพุทธศาสนา’ อีกบทบาทนอกเหนือจากงานการเมือง

‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ ศึกษาและทำนุบำรุง‘พระพุทธศาสนา’ อีกบทบาทนอกเหนือจากงานการเมือง

วันจันทร์ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 07.30 น.
Tag : พระพุทธศาสนา สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
  •  

เอ่ยชื่อ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เชื่อว่าภาพแรกที่หลายคนนึกถึงคือความเป็น “นักการเมือง” ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานถึง 3 ทศวรรษ ทั้งการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติอย่างการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และฝ่ายบริหารกับการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ตั้งแต่เข้าสู่วงการในสังกัดพรรคพลังธรรมจนมาถึงปัจจุบันที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย อย่างไรก็ตาม คุณหญิงสุดารัตน์ ยังมีอีกบทบาทหนึ่งคือการเป็น “ผู้ศึกษาและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา” อย่างจริงจัง

รายการ “แนวหน้า Talk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ได้มาบอกเล่าที่มาที่ไปของความสนใจในศาสนาพุทธว่า ในช่วงที่คุณแม่ป่วยเข้าโรงพยาบาล มีญาตินำหนังสือธรรมะและบทสวดมนต์มาให้อ่าน แรกๆ ตนเองก็สวดมนต์ไปด้วยความไม่เข้าใจภาษาบาลี เพราะชีวิตในวัยเด็กเรียนที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ อันเป็นสถาบันการศึกษาของชาวคริสต์ แม้ตนเองจะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์แต่ก็ต้องเข้าโบสถ์ ได้เรียนรู้เรื่องของพระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์ มากกว่าพระพุทธเจ้า ศาสดาของศาสนาพุทธ


ต่อมาเมื่อได้ทราบคำแปลบทสวดมนต์ของศาสนาพุทธ บวกกับการได้อ่านหนังสือธรรมะซึ่งเป็นการอ่านให้คุณแม่ฟัง ก็รู้สึกว่ามีความเป็นปรัชญา (Philosophy) “หลักของพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราขอ แต่สอนให้เราปฏิบัติ” เมื่อตัวเราปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ความเจริญจะตามมา ไม่ใช่การไปถวายสิ่งของแล้วขอพร แต่การทำอย่างนั้นก็ถือเป็นขนบประเพณีไป ทำให้สนใจศึกษาด้านพุทธศาสนาจนสามารถจบปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยเป็นการเรียนแก่นคำสอน

“มีปัญหาอะไรมา แต่ก่อนเราอาจจะเครียดเหลือเกินแต่หลังจากที่เราได้ศึกษาพุทธศาสนาจริงๆ แล้วก็คือเป็นปรัชญาในการดำรงชีวิตนั่นเองให้เรามีความสุข และรู้แนวทางที่ใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา เราก็เลยถึงแม้ว่าจะลำบาก เหนื่อยกายนะไม่ค่อยได้พักหรอก แต่พอใจมันสุขหน้ามันก็เลยสุขด้วย ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อะไร ทั้งหมดของที่พระพุทธเจ้าสอน คือสอนให้เรารู้แนวทางปฏิบัติตัวเอง รู้สาเหตุของทุกข์ วิธีที่จะดับทุกข์

ถ้าพูดในภาษาปัจจุบันก็อาจจะมีคนพูดว่าสุข-ทุกข์ อยู่กับใจ อันนี้ก็จริงแล้วก็อยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าเราต้องหาเหตุแห่งทุกข์ วิธีที่จะดับทุกข์ ก็คือใช้ปัญญาในการที่จะแก้ปัญหาต่างๆ แล้วก็อยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่ไม่จบกับเรื่องอดีตแล้วก็กังวลอนาคตเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด”คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ เล่าต่อไปว่า ในสมัยที่อยู่กับพรรคพลังธรรม ภายใต้การนำของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เคยได้รับคำสอนว่า “ต้องเอาประโยชน์ของประชาชนมาที่หนึ่ง ของพรรคมาที่สอง และของตนเองมาเป็นที่สาม” นำมาสู่การที่ตนเองจะบอกคนในพรรคว่า “ต้องเอาธรรมเป็นอำนาจ” ซึ่งคำว่าธรรมมีหลายความหมาย นอกจากธรรมะแล้วยังมีเรื่องของ “ความจริง-ความดี-ความซื่อสัตย์” ต้องเอาสิ่งเหล่านี้เป็นอำนาจ ไม่ใช่การคดโกงหลอกลวง

การทำพรรคไทยสร้างไทยจึงไม่ได้เปลี่ยนวิธีคิดมากนักเพราะพรรคพลังธรรม พรรคการเมืองแรกที่เข้าร่วมมีคำขวัญว่า “ใช้คุณธรรมนำการเมือง” แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตนเองควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น จากความที่เป็นลูกคนเดียวและเป็นคนดุ เนื่องจากคุณพ่อกลัวว่าลูกสาวจะถูกรังแก จึงเลี้ยงดูตนเองมาแบบให้ต้องแข็งกร้าว (Aggressive) กล้าตัดสินใจแบบเด็ดขาด แม้ภายหลังจะศึกษาหลักธรรม แต่ลึกๆ การนิยมความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) ก็ยังเป็นบุคลิกที่ติดตัวอยู่เพราะถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็ก แต่หลังๆ ก็เริ่มปลงได้ว่าหลายอย่างก็ไม่ได้ดั่งใจเราเสมอไป

สำหรับการบูรณะสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ณ ประเทศเนปาล ที่ร่วมสนับสนุนตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์เปิดเผยว่า ปัจจุบันทางเดิน สถานที่สวดมนต์ศาลาปฏิบัติธรรม ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยซึ่งได้รับความไว้วางใจจาก Lumbini Development Trust (LDT) องค์กรที่ดูแลสถานที่ดังกล่าว เพราะเข้าไปทำโดยไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ ในขณะที่บางประเทศที่ต้องการเข้าไปทำเสนอว่าอยากสร้างโรงแรมด้วย แต่กรณีของตนเองเข้าไปทำไม่ได้นำพาธุรกิจใดๆ เข้าไป เพียงแต่อยากให้คนสามารถไปกราบไหว้พระพุทธเจ้าได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

“สมัยที่เราไป เป็นถนนดินโคลน เป็นฝุ่นในหน้าแล้งเราไปหน้าฝนครั้งแรกก็ย่ำโคลนกันเข้าไป ที่นั่งสวดมนต์ก็ไม่มี คือมีอาคารครอบจุดที่ประสูติ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระเจ้าอโศกมหาราชเป็นพระมหากษัตริย์ที่มาฟื้นฟูพระพุทธศาสนา และมาทำเสาอโศกเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของจุดที่ประสูติทำ Marker Stone ก็คือทำรอยพระบาทเล็กๆ ว่าจุดนี้คือจุดที่พระพุทธเจ้าประสูติ

มันก็ยังมีร่องรอยหมดว่ามีต้นสาละอยู่ตรงนี้มีแก่นมีรากอยู่ตรงนั้น อะไรต่างๆ หรือพระอานนท์ หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานก็มาทำนั่นทำนี่ พระเจ้าอโศกก็มาฟื้นฟู มันก็เลยทำให้คนรุ่นหลัง หลังจากที่นักประวัติศาสตร์ไปเจอ เลยรู้ว่านี่คือที่ประสูติของพระพุทธเจ้าแล้วก็ตรงหมดตามประวัติศาสตร์ ก็มีบ่อน้ำซึ่งมีตาน้ำร้อน-น้ำเย็น ปัจจุบันก็ยังเป็นตาน้ำร้อน-น้ำเย็นอยู่ตรงนั้น ที่พระมารดาของพระพุทธเจ้าลงสรง คือเหมือนกับที่เราเรียน แล้วทุกอย่างยังอยู่” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ทั้งนี้ “สังเวยชนียสถาน” หรือมีทั้งหมด 4 แห่ง เป็นสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน โดยสถานที่ประสูติอยู่ในเนปาล ส่วนอีก 3 แห่งที่เหลือ
จะอยู่ในประเทศอินเดีย ซึ่งสถานที่ประสูติมีการสร้างอาคารครอบทับตั้งแต่เมื่อ 50-60 ปีก่อน แต่ด้วยมีเทคโนโลยีน้อยการซ่อมแซมจึงทำได้จำกัด คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า ได้รับการประสานมาให้ไปช่วยซ่อมแซม แต่ก็ต้องรอดูข้อสรุประหว่าง LDT รัฐบาลเนปาล และองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ว่าจะให้ซ่อมแซมในลักษณะใด

เมื่อถามว่าอะไรทำให้ทุ่มเทกับการบูรณะสังเวยชนียสถานแห่งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นตนเองเคยเดินทางไปนครรัฐวาติกัน (อิตาลี) ศูนย์กลางความศรัทธาของชาวคริสต์ทั่วโลก และเคยเห็นรูปภาพนครเมกกะ (ซาอุดีอาระเบีย) สถานที่สำคัญของผู้นับถือศาสนาอิสลามที่ชาวมุสลิมทั่วโลกต้องการเดินทางไปแสวงบุญ ทั้ง 2 สถานที่ดูใหญ่โต

แต่สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ในวันแรกที่ตนเองเดินทางไปถึง ต้องเดินเท้าย่ำโคลนเข้าไป และบริเวณหน้าเสาหินอโศก อันเป็นจุดที่ชาวพุทธจะมากราบไหว้ที่นั่งสวดมนต์ก็ไม่มี ต้องนั่งกับพื้น พระสงฆ์จีวรเปื้อนโคลน ตนเองใส่ชุดขาวกางเกงก็เปื้อนโคลน กระถางธูปก็เป็นกระถางดินเหนียวหักไปครึ่งหนึ่ง หรือไม่ก็ต้องปักธุป-เทียนกับพื้น เหมือนสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครดูแล “สภาพย่ำแย่ยิ่งกว่าวัดในต่างจังหวัดของไทยเสียอีก” จึงเปรยกับนักประวัติศาสตร์ที่นั่น เช่น อยากนำกระถางธูป และเรือสุพรรณหงส์สำหรับปักเทียนมาถวาย สามารถทำได้หรือไม่

ในตอนแรก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบอกว่าไม่ได้ เพราะไม่มีใครดูแล หากนำมาเป็นทองเหลืองเดี๋ยวก็สูญหายพอถามต่อไปว่าทำเป็นกระถางหินมาตั้งวางไว้ได้หรือไม่ก็บอกว่าไม่ได้ เพราะจุดนี้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ก้อนหินก้อนเดียวที่มีได้คือเสาหินอโศก แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้ ด้วยความเพียรพยายาม ท้ายที่สุดตนเองจึงกลายเป็นสะพานบุญ ชวนคนไทยระดมทุนกันกว่า 100 ล้านบาทเพื่อบูรณะ

“ทำทางเดินเข้าไปลานสวดมนต์เป็นสิบลานแล้วก็ทำอาคาร ทำระบบระบายน้ำ ทำทุกอย่างใหม่หมดเลย ห้องน้ำตั้ง 2 ฝั่งร่วม 70-80 ห้อง ทำห้องน้ำสะอาด ทุกวันนี้วัดไทย ท่านเจ้าคุณสุพจน์ก็เป็นผู้ดูแล พระท่านก็เป็นผู้ดูแลให้ ญาติโยมไปก็สะดวกสบายใครเดินไม่ไหวก็วีลแชร์ ภาพหนึ่งที่ทำให้เรามีความรู้สึกว่าต้องทำตรงนี้ให้ได้ บูรณะให้ได้ คือตอนที่เราเข้าไปเกือบ 6 โมเงย็น ตอนนั้นยังไม่มืด เราเจอน้องคนไทยอายุสักสามสิบกว่า ตัวกลมๆ แบกคุณแม่ตัวกลมๆ เหมือนกัน แบกคุณแม่ออกมาเพราะย่ำโคลนไม่ไหว

พอตอนกลางคืนนอนวัดด้วยกัน ตอนทานข้าวเขาก็บอกว่าเขามาเป็นโฟร์แมนอยู่ที่อินเดีย แล้วก็อยู่ตรงชายแดน ข้ามมานิดเดียวก็เป็นที่นี่ เขาก็เลยมาไหว้พระพุทธเจ้า มาวัดไทยแล้วก็มาไหว้ที่ประสูติพระพุทธเจ้า แม่เขาเป็นมะเร็ง เขากลับไม่ได้เพราะเซ็น (สัญญา) แล้วจะต้องทำงานห้ามกลับกี่เดือน เขาก็มาสวดมนต์ทุกอาทิตย์ที่หยุดเพื่อให้แม่ปลอดภัยจากมะเร็ง แล้วเมื่อเขากลับได้เขาก็ไปรักษาแม่จนแม่หาย เขาก็เลยพาแม่มาไหว้ แล้วเราดูสภาพคนแก่เดินไม่ไหวหรอก เราลุยโคลนยังต้องถอดรองเท้าเดิน เลยทำจนตอนนี้วีลแชร์เข้าไปสบาย” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ

กลับมาที่บทบาททางการเมืองปัจจุบัน ซึ่งในการเลือกตั้ง สส. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 พรรคไทยสร้างไทยได้ สส. รวม 6 ที่นั่ง แบ่งเป็น สส. แบบแบ่งเขต 5 คนและ สส. บัญชีรายชื่อ 1 คน แต่ในเวลาต่อมาก็มีรายงานข่าวว่าคุณหญิงสุดารัตน์ ลาออกจาก สส. บัญชีรายชื่อโดยในการพูดคุยกับรายการ แนวหน้า Talk ครั้งนี้คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ตนเองตัดสินใจลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ เพราะในพรรคมีคนเก่งๆ หลายคนจึงตกลงกันว่า ใน 1 ที่นั่งนี้ จะแบ่งกันทำหน้าที่ และเดี๋ยวคนที่เป็นอยู่ขณะนี้เมื่อเวลาผ่านไปก็จะลาออกเช่นกัน

โดยปัจจุบัน สส. บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย คืออันดับ 2 ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ต่อไปก็จะเป็นอันดับ 3 คือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ทั้งนี้ ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค หากถามว่าเสียดายหรือไม่เพราะใช้เวลานานมากกว่าจะได้กลับเข้าสภาอีกครั้ง ก็ต้องบอกว่าจากที่ได้ประกาศไปตั้งแต่แรกของการทำพรรคไทยสร้างไทยแล้วว่า ตนเองมาทำให้ไม่ได้มาทำเอา โดยต้องการทำพรรคการเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และตนเองก็รู้วิธีการแก้ไขที่ยังรักษาความประสงค์ของประชาชน ความเป็นเอกภาพของชาติและสถาบันหลักไว้ได้

อีกประการหนึ่ง แม้การทำงานในสภาจะขับเคลื่อนงานได้ง่ายกว่า แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อกลับบ้าน มองหน้าคนในพรรค ทุกคนก็เหนื่อย หากตนเองไม่เสียสละคนเหล่านั้นก็ไม่มีโอกาส ซึ่งก่อนหน้านี้น่าจะมีสื่อนำเสนอข่าวไปแล้ว ว่าตนมาทำพรรคการเมือง เป็นพรรคใหม่ที่คนอาจจะรู้จักตนเพียงคนเดียว ก็จะขอเป็นสะพานหรือนั่งร้านให้ก่อนแต่จะไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ พยายามสร้างคนขึ้นมาโดยตนจะทำหน้าที่เป็นกองหลังหรือกองหนุนให้ ซึ่งต้องยอมรับว่าคนใหม่ๆ เดี๋ยวนี้เก่งกว่า ขณะที่ตนเองนั้นได้ประสบการณ์

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวอีกว่า ลูกๆ ทั้ง 3 คน สนใจเรื่องราวของบ้านเมือง แต่ยังไม่มีใครที่มีแววว่าอยากจะเข้ามาเป็นนักการเมือง และตนเองก็ไม่ได้ไปบังคับด้วย เพราะการทำงานการเมืองเป็นงานอาสา ไม่ใช่งานมรดกตกทอด หรือหากวันหนึ่งลูกอยากทำงานการเมืองจริงๆ เขาอาจจะไปอยู่ตรงไหนก็ได้ ทั้งนี้ ตนเองพูดคุยปัญหาบ้านเมืองกับลูกอยู่บ่อยๆ ซึ่งลูกจะสนใจเรื่องการเมืองในระดับโลก หรือภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) อย่างล่าสุดก็จะเป็นเรื่องสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์

“เราอยากเห็นบ้านเมืองดีขึ้น อยากเห็นลูกเติบโตในประเทศที่เขาอยู่แล้วภาคภูมิใจ เหมือนแต่ก่อนตอนเราเด็กๆ เราอยู่ในประเทศที่เราภาคภูมิใจ ดังนั้นลูกเราทั้ง 3 คน ไม่มีใครอยากไปอยู่เมืองนอก อยากอยู่เมืองไทย เราก็อยากทำให้ลูกได้อยู่ในประเทศที่มีโอกาสสำหรับเขา มีความสุข มีความภาคภูมิใจ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

หมายเหตุ : สามารถติดตามรายการ “แนวหน้า Talk” ดำเนินรายการโดย บุญยอด สุขถิ่นไทย ได้ผ่านทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ช่วงหัวค่ำโดยประมาณ!!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

อากาศแปรปรวน! เครื่องบินโดยสารลงจอด'อู่ตะเภา' 8 ลำ

‘สหรัฐฯ-จีน’ลดภาษี115%พักรบ90วันดีต่อศก.โลก ห่วงเสถียรภาพการเมืองทำไทยเสียเปรียบเจรจา

'วิโรจน์'ลุยชายแดนสังขละบุรี ถกปัญหา'ที่ดิน'ระหว่าง'กองทัพบก-ปชช.'

(คลิป) แนวหน้าTAlk : 'ปิยะ' ชำแหละ! 'กาสิโน' แบบหมดเปลือก!!

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved