‘สภากาชาด’อธิบายชัดๆ ยันไม่ได้ขายโลหิตบริจาค แจงที่มาค่าบริการถุงละ 2,100 บาท
3 ธันวาคม 2566 เพจ “ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย” โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ดังนี้...
โลหิตที่ได้รับจากการบริจาคที่นำไปรักษาผู้ป่วยจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีค่าบริการที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในกระบวนการ
จากกรณีที่เพจหนึ่งได้มีการโพสต์ข้อความที่บิดเบือนจากความเป็นจริงในประเด็น เรื่อง สภากาชาดเปิดรับบริจาคเลือดฟรีแต่ รพ.รัฐ คิดค่าบริการถุงละ 2,100 บาท
ทั้งนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มิได้จำหน่ายโลหิตบริจาค แต่มีการคิดค่าบริการตามต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมโลหิตให้มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ต้องรับโลหิตในการรักษา โดยกำหนดค่าบริการโลหิตให้โรงพยาบาลเป็นอัตราเดียวกันทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชน มีการใช้อัตราค่าบริการจากกรมบัญชีกลาง ทั้งนี้ โรงพยาบาลจะมีการคิดค่าใช้จ่ายตามต้นทุนในการจัดเตรียมโลหิตให้กับผู้ป่วยเพิ่มเติม ตามอัตราที่แต่ละโรงพยาบาลกำหนด
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ให้บริการโลหิตและส่วนประกอบโลหิตแก่โรงพยาบาล เพื่อใช้รักษาผู้ป่วย โดยมิได้จำหน่ายหรือคิดค่าโลหิตซึ่งได้รับจากการบริจาคโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนของผู้บริจาคโลหิตทั่วประเทศ เพื่อให้การซื้อขายโลหิตในประเทศหมดไปตามหลักการขององค์การอนามัยโลกและหลักการกาชาดสากล ตามปณิธาน ที่สภากาชาดไทยเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ทั้งนี้ โลหิตที่ได้รับจากการบริจาคที่นำไปรักษาผู้ป่วยจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีค่าบริการที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในกระบวนการ ดังนี้
1. ค่าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ในการรับบริจาคโลหิต เช่น ถุงบรรจุโลหิต หลอดเก็บตัวอย่างโลหิต น้ำยาตรวจค่าความเข้มข้นเลือด น้ำยาตรวจหมู่เลือด เป็นต้น
2. ค่าใช้จ่ายการผลิตส่วนประกอบโลหิต ในการปั่นแยกโลหิตให้เป็นส่วนประกอบโลหิตชนิดต่างๆ ได้แก่ เม็ดเลือดแดงเข้มข้น (Packed red cells) พลาสมา (Plasma) เกล็ดเลือด (Platelets) เป็นต้น
3. ค่าใช้จ่ายในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ ค่าตรวจหมู่โลหิตเอบีโอ (ABO) ค่าตรวจหมู่โลหิตระบบอาร์เอช (Rh) ค่าตรวจกรองแอนติบอดี (Antibody screening) ค่าตรวจภาวะการติดเชื้อที่สามารถติดต่อทางการให้เลือด ได้แก่ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี ไวรัสเอชไอวี และซิฟิลิส โดยการตรวจวิเคราะห์ทางซีโรโลยี และวิธี Nucleic Acid Test (NAT)
4. ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาส่วนประกอบโลหิตชนิดต่างๆ และการขนส่ง เช่น ตู้เย็นเก็บเม็ดเลือดแดง 1-6 องศาเซลเซียส ตู้เก็บเกล็ดเลือด 20-24 องศาเซลเซียสที่ต้องเขย่าตลอดเวลา ตู้แช่แข็งพลาสมา -20 องศาเซลเซียส เป็นต้น อีกทั้งต้องรักษาอุณหภูมิของส่วนประกอบโลหิตชนิดต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน Blood cold chain ตลอดระยะเวลาขนส่งจากต้นทางจนถึงปลายทาง
5. ค่าใช้จ่ายในการควบคุมคุณภาพ ตามระบบ ISO และ GMP ที่เกี่ยวข้อง
โดยอัตราค่าบริการโลหิต จะถูกกำหนดโดยกรมบัญชีกลาง ซึ่งศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติจะนำมาเทียบเคียงให้เทียบเท่าหรือต่ำกว่าเกณฑ์กลางตามความเหมาะสมกับการบริการโลหิตทุกประเภท นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายด้านอาคารสถานที่ รถออกหน่วยเคลื่อนที่ เครื่องมือ ครุภัณฑ์ บุคลากรสาธารณูปโภค ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและค่าดำเนินการสนับสนุนอื่นๆ ที่รวมแล้วจะสูงกว่าต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บ โดยส่วนที่ขาดศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติจะรับผิดชอบทั้งหมด ประกอบกับได้รับงบประมาณดำเนินการบางส่วนจากรัฐบาลมาช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มิได้จำหน่ายโลหิตบริจาค แต่มีการคิดค่าบริการตามต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมโลหิตให้มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพื่อนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ต้องรับโลหิตในการรักษา โดยกำหนดค่าบริการโลหิตให้โรงพยาบาลเป็นอัตราเดียวกันทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชน มีการใช้อัตราค่าบริการ
จากกรมบัญชีกลาง ทั้งนี้ โรงพยาบาลจะมีการคิดค่าใช้จ่ายตามต้นทุนในการจัดเตรียมโลหิตให้กับผู้ป่วยเพิ่มเติม ตามอัตราที่แต่ละโรงพยาบาลกำหนด
………………………………………………
ฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตและสื่อสารองค์กร
เผยแพร่ วันที่ 1 ธันวาคม 2566
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี