“เมื่อเราพูดถึงการยกระดับการศึกษาด้านภาษา ที่เราเรียกว่า Language Competency เราจะพบว่า ในอดีตเราวัดผลการเรียนการสอน หรือวัดระดับการศึกษาของเด็ก อาจจะผ่านระบบการสอบใหญ่ๆ ซึ่งขออนุญาตเอ่ยนาม ก็คือสอบโทเฟล (TOEFL) สำหรับผู้ที่จะไปเรียนสหรัฐอเมริกา หรือเรียนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศบางประเทศ ในช่วงหลังก็จะมีการสอบไอเอลส์ (IELTS) ซึ่งเหมาะกับผู้ที่จะไปเรียนที่อังกฤษหรือสถานศึกษาในประเทศที่เป็นเครือข่ายของประเทศอังกฤษ
แต่แน่นอน มันก็จะมีระบบสอบอีกระบบหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นนั่นก็คือกลุ่มประเทศยุโรปซึ่งก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่การสอบภาษาอังกฤษของประเทศเหล่านี้ก็เลยได้มีการสร้างอีกระบบหนึ่งขึ้นมา ที่เรารู้จักกันดีในนามของ ซีอีเอฟอาร์ (CEFR) เป็นการสอบซึ่งถ้าเราเทียบระดับก็จะสามารถเทียบได้กับโทเฟล ซึ่งคะแนนก็จะเป็นหลักร้อย เช่น 350 400 450 เป็นต้น ถ้าเป็นไอเอลส์ก็เป็น 5 6 7 8 แต่ในการสอบ ซีอีเอฟอาร์ จะเป็น A1 A2 B1 B2 Ca C2 แต่ทั้งหมดนี้สามารถที่จะเทียบเคียงกันได้”
กมล รอดคล้าย ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวในงานแถลงข่าวการจัดตั้ง Elite Exam Center (EEC) เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม Siam@Siam Design Hotel Bangkok แนะนำระบบการสอบวัดทักษะด้านภาษาอังกฤษแบบ “CEFR” ซึ่งในแวดวงการศึกษาไทย ระบบนี้ถูกนำมาใช้ประเมินสมรรถนะของครูไทยทั่วประเทศที่สอนวิชาภาษาอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อราว 7 - 8 ปีก่อน
โดย CEFR มีการสร้างตัวแทนเครือข่ายศูนย์สอบในหลายประเทศ และล่าสุดกับประเทศไทย ที่เปิดการสอบผ่าน LanguageCert ในนามศูนย์สอบ Elite Exam Center ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะการพัฒนาการศึกษานั้นมุ่งหวังยกระดับคุณภาพของผู้เรียน อีกทั้งระบบการศึกษาในอนาคตจะไม่ได้เน้นที่ห้องเรียนเป็นหลัก แต่อาจเป็นการเรียนออนไลน์ และผู้เรียนแต่ละคนสามารถ “สอบเทียบ” ได้ในทุกวิชา ผู้ใดผ่านเกณฑ์ระดับใดในวิชาไหน ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนเนื้อหาเดิมซ้ำในห้องเรียนอีก
ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ยังมีระบบ “ธนาคารเครดิต (Credit Bank)” ที่เมื่อผู้เรียนสอบผ่านวิชาใดก็จะถูกเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล ทำให้ไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนครบทุกวิชาและทุกคาบอีกต่อไป ด้านหนึ่ง “คนเก่งจะไม่ต้องถูกขังไว้ในโรงเรียนจนครบอายุ” หากมีความสามารถพอก็ข้ามไปได้เลย ขณะที่อีกด้านหนึ่ง “คนที่ชีวิตลำบากก็อาจเรียนเก็บเครดิตไว้บางส่วนก่อนเพื่อที่จะออกไปทำงาน” หลังจากนั้นหากวันใดที่มีความพร้อมก็สามารถกลับมาเรียนต่อได้
“กระทรวงศึกษาธิการทำได้ก็คือส่งผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้เข้ามาร่วมเป็นที่ปรึกษา ในขณะเดียวกัน เนื่องจากว่าเรามีการสอบ มีการวัดผลนักเรียนอยู่แล้ว เราก็เลยเห็นว่าน่าจะมีความร่วมมือกันในการใช้ศูนย์สอบของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์ HCEC ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีอยู่ 181 แห่งทั่วประเทศ มาเป็นศูนย์สอบให้กับทาง LanguageCert ประเทศไทย แต่แน่นอนคงไมได้ใช้ทั้งหมด อาจจะเลือกมาแค่สิบกว่าศูนย์ที่มีความพร้อมหรือเป็นตัวแทนในภูมิภาคต่างๆ” กมล ระบุ
ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังกล่าวอีกว่า LanguageCert เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง และไม่ได้เป็นประโยชน์กับเฉพาะผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยของต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งก็มีมหาวิทยาลัยจำนวนมากทั่วโลกที่ยอมรับผลสอบของ CEFR แต่ยังถูกใช้ในอีกหลายภาคส่วน เช่น คุรุสภา ใช้ประเมินสมรรถนะครูขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ใช้ประเมินวัดผลนักเรียน รวมไปถึงคนที่ต้องการหางานทำในต่างแดน ที่หลายประเทศกำหนดคุณสมบัติต้องมีคะแนนประเมินทักษะภาษาอังกฤษด้วย
อนึ่ง การสอบของ LanguageCert ยังมีค่าใช้จ่ายไม่สูง เนื่องจากมีการสอบหลายแบบและหลายระดับ ผู้สอบไม่จำเป็นต้องสมัครสอบให้ครบทั้งหมดในคราวเดียว แต่เลือกสอบเฉพาะเรื่องที่จำเป็นก่อนได้ โดยจะมีการเปิดสอบทุกเดือน ทั้งแบบออนไลน์ และแบบออนไซต์ในศูนย์สอบที่ สพฐ. มีความร่วมมือด้วย ทำให้ผู้สอบที่อยู่ต่างจังหวัดไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลมาสอบในศูนย์ใหญ่ ซึ่งบางครั้งค่าเดินทางก็แพงกว่าค่าสมัครสอบ โดยเบื้องต้นจะมีศูนย์สอบในระดับภูมิภาค 12 แห่ง และในกรุงเทพฯ อีก 2 แห่ง
“อยากให้เราได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ร่วมกัน โดนจุดมุ่งหวังสำคัญที่สุดก็คือทำให้คุณภาพของคนไทย ของเด็กไทยมากขึ้น ทำให้เด็กไทยมีสมรรถนะด้านภาษาที่ดีขึ้น” ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี