เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 ศ.ดร.ณัฐวุฒิ เผ่าทวี อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ เขียนบทความ “การ rewire สมองของเราเพื่อชีวิตที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก “Nattavudh Powdthavee - ณัฐวุฒิ เผ่าทวี” เนื้อหาดังนี้
วันนี้ผมตื่นเช้าขึ้นมาฟัง Laurie Santos ศาสตราจารย์ทางด้านจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของความสุขพูดถึงเรื่องของ rewirement หรือการเชื่อมต่อภายในสมองของเราใหม่เพื่อชีวิตที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น ในวาระที่วันนี้เป็นวันคริสต์มาส ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วมักจะเป็นวันที่คนที่กำลังมีความทุกข์อยู่แล้วมักจะรู้สึกยิ่งทุกข์มากกว่าเดิม (เพราะว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่คนมีความสุข) ผมก็เลยถือโอกาสนำสิ่งที่ Laurie พูดถึงมาเขียนเล่าให้เพื่อนๆอ่าน
ก่อนอื่นเลย เพื่อนๆเคยสังเกตกันไหมครับว่าทำไมคนเรา -- ซึ่งก็รวมถึงตัวเราเองด้วย -- ถึงมักจะไม่มีความสุขเท่าที่เราคิดว่าเราควรจะมีถ้าเรามีในสิ่งที่เราคิดว่าถ้ามีมันมาอยู่ในความครอบครองเราจะมีความสุข
ทั้งนี้ ก็เป็นเพราะว่าคนเรามักจะตกเป็นเหยื่อของอคติทางความคิดที่นักจิตวิทยาอย่าง Dan Gilbert และ Tim Wilson เรียกกันว่า "Miswanting" หรือถ้าแปลเป็นไทยก็คือความอยากได้ในสิ่งที่ผิดต่อความสุขของคนเรา
Miswanting เกิดขึ้นเพราะ 1) intuition, 2) reference points, 3) hedonic adaptation และ 4) impact bias
1) Intuition หรือสหัชญาณที่เรามีเกี่ยวกับความสุข เช่น ถ้าเรารวย เราจะมีความสุข หรือถ้าเราได้เลื่อนขั้น เราจะมีความสุข ซึ่งตัว intuition นี้มักจะผลักดันให้เราแสวงหาในสิ่งที่เราเชื่อว่าถ้าเรามีมันแล้ว เราจะมีความสุข ปัญหาก็คืองานวิจัยในสาขาของความสุขมักจะพบว่าหลายๆอย่างที่เราคิดว่าถ้าเรามีแล้ว เราจะมีความสุข มักจะไม่ได้ทำให้เรามีความสุขอย่างที่เราคิด สรุปง่ายๆก็คือเรามักจะมีสหัชญาณในเรื่องของความสุข -- ที่อาจจะส่งผ่านมาถึงเราจากสังคมบ้าง จากคนที่บ้านบ้าง -- ที่ผิด
2) Reference points หรือตัวเปรียบเทียบ เวลาที่เราแสวงหาในสิ่งที่เราคิดว่าถ้าเรามีแล้วเราจะสุข เรามักจะไม่ได้คิดถึงว่า เออ ถ้าเรามีแล้ว เราจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นอยู่หรือเปล่า ยกตัวอย่างในเรื่องของรายได้ เรามักจะคิดว่าถ้าเรารวยขึ้นกว่าเดิม เราจะมีความสุขมากๆ แต่พอเรารวยขึ้นกว่าเดิมจริงๆ เราก็มักจะเอาเปลี่ยนตัวเปรียบเทียบโดยการเอาตัวเราเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ก็ยังรวยกว่าเรา ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเพิ่มมากขึ้นจากการที่เรารวยขึ้นแต่อย่างใด
3) Hedonic adaptation หรือการปรับตัวของความสุข เวลาที่เราได้ในสิ่งที่เราอยากจะได้มานาน เราอาจจะรู้สึกมีความสุขมากๆในวันแรกที่เราได้มันมา แต่พอนานๆเข้า เราก็มักเริ่มรู้สึกชินกับสิ่งที่เราได้มันมาจนมันไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเท่าๆกันกับเมื่อตอนที่เราได้มันมาในตอนแรก
4) Impact bias หรือการที่เรามักจะคิดว่าถ้าเราได้ในสิ่งที่เราอยากได้ ผลลัพธ์ของการได้มันมาต่อความสุขของเราจะสูงมากๆและจะอยู่กับเราไปได้นานมากๆ ซึ่ง impact bias ตัวนี้ทำให้คนเราลืมนำ hedonic adaptation เข้ามาช่วยในการประเมินว่าถ้าเราได้ในสิ่งที่เราอยากจะได้ เราจะมีความสุขไปได้นานขนาดไหน
และด้วยเหตุผลสี่ข้อนี้นี่เองที่ทำให้คนเรามักจะ miswant ในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขในชีวิตประจำวันบ่อยๆ
แล้วเราควรจะต่อสู้กับอคติทางความคิดนี้ได้ยังไงบ้าง Laurie Santos บอกกับเราว่าเราสามารถต่อสู้กับมันได้ด้วยการ rewire สมองของเราด้วยการ...
1. Social relationship: งานวิจัยมักจะพบว่าการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างและการใช้เวลากับคนที่เราชอบเป็นตัวแปรที่สำคัญเกือบที่สุดต่อชีวิตของคนเรา แต่คนเราส่วนใหญ่มักจะประเมินความสุขที่เรามักจะได้มาจากการใช้เวลากับคนที่เราชอบน้อยเกินไป ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คนเราส่วนใหญ่ใช้เวลากับคนที่เราชอบน้อยกว่าการใช้เวลาทำอื่นๆในชีวิตประจำวัน Laurie จึงแนะนำว่าเราควรจะ rewire ความสำคัญของการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างของเราใหม่โดยการให้ความสำคัญกับมันมากกว่าเดิม
2. Others-oriented: การทำให้คนอื่นมีความสุขทำให้เรามีความสุขมากกว่าการพยายามทำให้ตัวเองมีความสุข คนเราส่วนใหญ่มักจะมีความเชื่อว่าการทำตัวเองให้มีความสุขสำคัญกว่าการทำให้คนอื่นมีความสุข แต่มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะตลกตรงที่ว่าคนเรามักจะมีความสุขจากการทำให้คนอื่นมีความสุขมากกว่าการพยายามทำให้ตัวเราเองมีความสุขอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากมีความสุขล่ะก็ การทำให้คนอื่นมีความสุขมักจะเป็นกลยุทธ์ที่ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าต่อความสุขของเราเอง
3) Gratitudes: การทบทวนตัวเองในแต่ละวันว่าเราโชคดีขนาดไหน หรือการมองหาแต่ในสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราแทนการหาแต่สิ่งที่ไม่ดีแล้วใช้เวลาในการขอบคุณและซาบซึ้งกับมัน คนเราส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาในแต่ละวันโทษคนนู้นบ้าง คนนี้บ้างและใช้เวลาในการมองสิ่งที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาด้วยสายตาที่โกรธแค้นจนลืมนึกถึงในสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา Laurie จึงบอกกับเราว่าเราควรที่จะ rewire สมองของเราให้ใช้เวลาในการทบทวนถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราให้มากกว่าเดิม
4) Savouring: การใช้เวลาในการดื่มด่ำสิ่งดีๆที่เรามีในชีวิตของเราให้มากกว่าเดิม ในชีวิตประจำวันของเรา เรามักจะมีอะไรที่เข้ามาในชีวิตที่เป็น distraction ที่เข้ามาดึงดูดความสนใจหรือ attention ของเราเยอะแยะไปหมด จนเราไม่สามารถที่จะ enjoy แต่ละสิ่งดีๆในชีวิตของเราได้ (ตัวอย่างง่ายๆก็คือการไปทานอาหารอร่อยๆแต่เรากลับใช้เวลาตอนที่เรากำลังทานอาหารอยู่ไปกับการใช้โทรศัพท์ เป็นต้น) ถ้าเราอยากจะมีความสุขให้มากกว่านี้ เราก็ควรให้ attention ของเรากับสิ่งดีๆที่เรากำลังประสบอยู่ให้มันมากกว่าเดิม
5) Exercise: ออกกำลังกายเยอะๆ อันนี้ค่อนข้างจะชัดเจนนะครับ เพราะถ้าร่างกายเรามีความสุข สมองของเราก็จะมีความสุขตามๆกันไปด้วย Healthy body = healthy mind
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนสามารถ rewire สมองของตัวเองเพื่อให้ตัวเองมีความสุขในชีวิตประจำวันที่มากขึ้นได้นะครับ Merry X'mas และสวัสดีปีใหม่นะครับ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี