วันอาทิตย์ ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
รวยไม่ทันตั้งตัว! ปลูกแคคตัสขายออนไลน์ เจาะตลาดยุโรป-เอเชียโกยเงินแสน

รวยไม่ทันตั้งตัว! ปลูกแคคตัสขายออนไลน์ เจาะตลาดยุโรป-เอเชียโกยเงินแสน

วันอาทิตย์ ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2567, 14.41 น.
Tag : แคคตัส
  •  

9 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 272 หมู่ที่ 5 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง  นายสิรวิชญ์ มากแก้ว(น้องเจ)   อายุ 26 ปี เจ้าฟาร์มบ้านสวนหุบเขาดาวใต้ ได้หันมาปลูกกระบองเพชรจิ๋วหรือแคคตัสหลายสายพันธุ์ หลากสีสันนับหมื่นต้น ภายในโรงเรือนเนื้อที่ 200 ตารางเมตร โดยเน้นปลูกแคคตัสพันธุ์ ยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium) ถึงร้อยละ 99 เพราะสามารถปรับปรุงสายพันธุ์เป็นลูกผสม ทำให้มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากต้นเดิม ทั้งรูปร่าง รูปทรง ดอกและสีสัน โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ต้นละ 15 บาทไปจนถึง 150,000 บาท


ซึ่งแคคตัสที่ขายดีที่สุดอยู่ในกลุ่มรูปทรงที่สีแดง สีส้ม สีม่วงและสีเขียว แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดได้แก่ หมวกสังฆราชขาว,ถังทอง,กระบองทอง,ดาวล้อมเดือน,ปราสาทนางฟ้า,บาเนียนัม,สายรุ้งและในตระกูลแอสโต โดยเพาะได้ทั้งจากเมล็ดและต้นอ่อนที่งอกออกมา ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8-12 เดือน ก็สามารถขายได้ ซึ่งแคคตัสจะออกดอกได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าแล้งประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคมของทุกปี แคคตัสจะออกดอกพร้อมกันอย่างสวยงาม เป็นเวลานาน 2-5 วัน และถ้ามีแสงแดดที่พอเหมาะ แคคตัสก็จะทยอยออกดอกให้ได้ชื่นชมปีละหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น

โดยแคคตัสเป็นไม้อวบน้ำแต่ชอบน้ำน้อย ปลูกง่ายเป็นไม้ฟอกอากาศ สีสันสวยงามและยังมีตลาดรองรับอีกมาก นอกจากนี้ยังสามารถผสมข้ามสายพันธุ์ได้ไม่ยาก ซึ่งเกษตรกรหันมาปลูกแคคตัส เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เหตุเพราะทำงานประจำที่กรุงเทพฯค่าใช้จ่ายสูง ไม่มีเงินเก็บ ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน จึงตัดสินใจลาออกจากงานกลับบ้านเกิดที่ จ.ตรัง ระหว่างที่ใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ตนองก็ได้ปลูกแคคตัสไว้ดูเล่น ไว้ตั้งโต๊ะทำงานอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่บ้านที่ตรัง ก็ได้ศึกษาเรียนรู้การปลูกแคสตัสอย่างจริงจังจากยูทูป จนกระทั่งสามารถปลูกขาย ขยายพันธุ์และผสมดินขายได้

โดยเน้นขายออนไลน์เจาะตลาดต่างประเทศทั้งแถบยุโรปและเอเชียเป็นหลัก เช่น อเมริกา จีน สเปน เม็กซิโก ญี่ปุ่น,ฟิลิปปินส์และเวียดนาม  รวมถึงตลาดในประเทศบางส่วน สร้างรายได้ขั้นต่ำ 50,000 บาท และสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกและอาศัยการที่เอาความชอบ ความรัก มาสร้างอาชีพเลี้ยงครอบครัว ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่หนีกรุงฯกลับบ้านเกิดมาอยู่ดูแล ครอบครัว พ่อ แม่ และใช้ชีวิตตามกลางธรรมชาติ 

และที่ฟาร์มแคสตัสของตนนับเป็นฟาร์มแคคตัสส่งออกรายใหญ่ในอำเภอย่านตาขาว จ.ตรัง   ส่วนใครสนใจสามารถติดต่อสอบถามหรือสั่งซื้อผ่านทางอินสตาแกรม southernstarvalley_store หรือติดต่อทางเบอร์โทรศัพท์ 097-9261919

ด้านนายสิรวิชญ์ มากแก้ว เกษตรกรเจ้าของฟาร์มแคคตัส กล่าวว่า ตนเรียนจบสถิติธุรกิจและการประกันภัย  พอเรียนจบก็ไปทำงานประจำที่กรุงเทพฯ ซึ่งการใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯค่าครองชีพค่อนข้างสูง รายได้เดือนชนเดือน ไม่มีเงินเหลือ เงินเก็บ ระหว่างนั้นมีการเลี้ยงกระบองเพชรอยู่แล้วแต่เลี้ยงเล่นๆ เป็นกิจกรรมยามว่าง แต่อยากรู้ว่าถ้าเราสามารถสร้างรายได้จะทำได้หรือเปล่า เลยเริ่มจากซื้อมาขายไป แต่พอเริ่มมีฐานลูกค้า จึงคิดว่าน่าจะพัฒนาต่อไปได้ แต่ไม่อยากเจาะตลาดในไทย อยากเจาะตลาดต่างประเทศดู พบว่าไปได้เลยเริ่มมาเลี้ยงอย่างจริงจังเป็นอาชีพหลัก

ส่วนมากจะเลี้ยงอยู่ 99 เปอร์เซ็นต์ เป็นยิมโนคาไลเซียมที่สามารถสร้างรายได้ให้กับตน มีราคาขายตั้งแต่หลักสิบถึงหลักหมื่น ตลาดมีทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่วนตนจะเน้นเจาะตลาดต่างประเทศ มี อเมริกา สเปน เม็กซิโก เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หลายประเทศทั่วโลกทั้งยุโรปและเอเชีย มีรายได้โดยเฉลี่ย 50,000-200,000 บาทต่อเดือน

สำหรับลูกค้ามือใหม่อยากบอกว่าเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลเยอะ ไม่ต้องรดน้ำบ่อย วางไว้แล้วไปไหนก็ได้ แค่วางในจุดที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของมัน มีราคาตั้งแต่หลักสิบขึ้นไป สามารถเอาไปครอบครองและดูพัฒนาการของมันได้ ส่วนจุดเด่นของที่นี่คือการพัฒนาฟอร์มให้มันแปลกใหม่ ทั้งฟอร์ม รูปทรง สีสันให้มันมีเอกลักษณ์ประจำสวน ที่เราผสมเองจุดเด่นคือมีก้านที่ชัดเจน มีสีสันที่สด มีฟอร์มที่แป้น มีหนามที่สั้น

ทางด้าน นางสาววาสนา หลิ่มแซ่ อายุ 50 ปี คุณแม่ของนายสิรวิชญ์ มากแก้ว กล่าว่า ดีใจ ภูมิใจที่ลูกกลับมาอยู่บ้านกันพร้อมหน้าพร้อมตา และดีใจยิ่งกว่าที่ลูกได้มีอาชีพที่อิสระสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งเป็นความฝันของคนเป็นแม่ที่อยากให้ลูกมาอยู่ใกล้ได้ดูแลกัน ลูกยังไงก็ลูก.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'เจิมศักดิ์'แนะไอเดียสุดเจ็บ!!! ให้ขายบัตรพบ'ทักษิณ'ดีกว่า เป็นครูสอนภาษาในคุก

'กัมพูชา'นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ลงพื้นที่บริเวณประสาทพระวิหาร

'ดร.นิว' ชี้ นักการเมืองไทยควรแก้ 'วงจรอุบาทว์' ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ

อัดเต็มสูบเสพ 14 เม็ด หนุ่มน้ำโสม หลอนยาเดินแก้ผ้ากลางถนน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved