‘ชาวบ้านวัดจันทร์’เชียงใหม่ โอดถนนสายหลักพัง เรียกร้องซ่อมด่วน‘คนป่วย-นร.’กระทบหนัก
28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าว จ.เชียงใหม่ รายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่บ้านวัดจันทร์ ต.วัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา กำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถนนสายหลัก เส้นทางหลวงหมายเลข 1349 หรือถนนสายมะเมิง-บ้านวัดจันทร์ ระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร (กม.) พังเสียหาย รถพยาบาลรับส่งผู้ป่วยเดือดร้อนหนัก ขณะที่นักเรียนที่เดินทางเข้าไปเรียนหนังสือประสบอุบัติเหตุหลายราย โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน
คนขับรถพยาบาล โรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่ไปส่งผู้ป่วยหนักไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตัวเมืองเชียงใหม่ ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ผ่านถนนสายมะเมิง-บ้านวัดจันทร์ เพราะเกรงว่าผู้ป่วยจะได้จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากสภาพถนนถูกน้ำกัดเซาะเป็นหลุมเป็นบ่อเต็มถนน เป็นระยะทางกว่า 2 กม.ซึ่งจุดนี้เป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นภูเขา เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูฝนบางครั้งมีน้ำฝนจากภูเขาไหลหลากลงบนถนน ทำให้การขับรถสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวด้วยความยากลำบาก
ขณะเดียวกันผู้นำชุมชนและชาวบ้านทั้ง 3 ตำบล อ.กัลยาณิวัฒนา กว่า 100 คน ได้รวมกลุ่มชุมนุมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเข้าตรวจสอบและปรับปรุงถนนสายนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีการชำรุดเสียหายอย่างหนักมาเป็นระยะเวลานาน บางจุดผิวถนนหลุดร่อนมีความหนาไม่ถึง 1 เซนติเมตร (ซม.) และเป็นหลุมกว้างขนาดใหญ่เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนทุกวัน ผู้ป่วยวิกฤติหรือฉุกเฉินที่ต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ที่ต้องสัญจรผ่านถนนสายหลักนี้ หลังจากนั้นชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจซ่อมแซมถนนด้วยนำปูนซีเมนต์มาผสมเททับหลุมตามถนนบ้างแล้ว
นายธีรภัทร์ ร่มต้นธรรม กำนันตำบลวัดจันทร์ เปิดเผยว่า ถนนเส้นเป็นถนนสายหลักที่ประชาชนใช้ในการเดินทางสัญจร นำพืชผลทางการเกษตรออกไปจำหน่าย เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2553 มีการนำยางพารามาทดลองทำถนน จนปัจจุบันมีสภาพชำรุดเสียหายทั้งสายเป็นระยะทางกว่า 40 กม. ตั้งแต่บ้านแม่ตะละ ต.แม่แดด ที่เกิดดินสไลด์ 3 จุดตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการซ่อมแซม ทำให้ชาวบ้านเกรงว่าดินจะทรุดลงไปอีก
นอกจากนี้ตลอดระยะทางที่เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาผิวถนนเสียงหายตลอดระยะทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างบ้านแม่ตะละ-บ้านแม่แดดน้อย และเส้นทางระหว่างบ้านวัดจันทร์-บ้านแจ่มน้อย บริเวณสะพานห้วยแจ่มน้อย อ.กัลยาณิวัฒนา ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาผิวถนนเป็นหลุมลึกและกว้างเต็มผิวถนน ระยะทางไม่ต่ำกว่า 2 กม.ทำให้ประชาชนที่สัญจรไปมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนักเรียนและรถโรงพยาบาลที่ผ่านเส้นทางนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแต่ได้รับคำตอบว่าได้ซ่อมแซมให้แล้ว แต่เป็นการปะแปะถนน ไม่นานผิวถนนก็เสียหายอีก อย่างไรก็ตามจากที่ผู้นำชุมชนทุกแห่งในพื้นที่ได้สอบถามชาวบ้าน ทราบว่าต้องการให้มีการรื้อผิวถนนทั้งหมด เพื่อทำใหม่และขยายผิวถนนให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่นายประวิทย์ สุริยมณฑล ผู้อำนวยการโรงเรียนสหมิตรวิทยา กล่าวว่า ถนนเส้นนี้สร้างมา 10 กว่าปีไม่มีใครมาดูแลเลย เด็กที่ขี่รถผ่านเส้นทางนี้มาเรียนหนังสือจะลำบากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูฝนมีเด็กนักเรียนเกิดอุบัติเหตุเกือบทุกวัน เด็กนักเรียนบางคนที่เดินทางไปถึงโรงเรียนเสื้อผ้าจะเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ถามเด็กก็ได้คำตอบว่าตอนมาโรงเรียนเกิดรถล้มบริเวณนี้ บางทีรถใหญ่ที่ขับสวนไปทำให้น้ำกระเด็นใส่เสื้อผ้า
นายประวิทย์ กล่าวว่า ตนอยากจะฝากไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในการดูแลถนนเส้นนี้ได้มาดูความเดือดร้อนของชาวบ้านบ้าง ส่วนตัวแล้วอยากจะให้ปรับปรุงถนนเส้นนี้ทั้งสายและขยายถนนเพิ่มอีก ไม่ต้องซ่อมแซม เมื่อเทียบกับถนนที่อยู่ในเมืองสร้างแล้วก็สร้างอีก
ด้าน น.ส.รัตติกาล สาธุเม พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าห้องคลอด โรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เปิดเผยว่า จากสภาพของถนนสายดังกล่าวที่เสียหายตลอดระยะทาง ทำให้การส่งต่อผู้ป่วยหนักไปรักษาโรงพยาบาลในตัวเมืองล่าช้ามากขึ้น เพียงแค่ถนนที่เสียตรงจุดบ้านวัดจันทร์ระยะทาง 2 กม.ทำให้ต้องเดินทางช้า 15-25 นาทีจากปรกติที่การส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลไปรักษาต่อตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ยิ่งช่วงมีฝนตกลงมาและช่วงกลางคืนด้วยสภาพถนนแบบนี้ก็จะทำให้การส่งต่อผู้ป่วยล่าช้าไปอีก ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อเกิดอันตรายกับผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยที่ท้องใกล้คลอดและต้องส่งไปคลอดที่โรงพยาบาลอื่นต้องนอนอยู่นิ่งๆบนรถ หากได้รับการกระทบกระเทือนจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่ผู้ป่วยคลอดเองระหว่างทางได้
นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่สวมเครื่องช่วยหายใจต้องนอนนิ่งๆตลอดทาง ซึ่งแต่ละเดือนทางโรงพยาบาลฯได้มีการส่งต่อผู้ป่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน เคสห้องคลอดและผู้ป่วยในไปรักษาโรงพยาบาลในเมืองเฉลี่ย 25-30 ราย นอกจากจะมีผู้ป่วยที่โรงพยาบาลส่งไปรักษาต่อแล้ว ยังมีผู้ป่วยที่ญาตินำมารักษาโรงพยาบาลเองและยังมีผู้ป่วยที่เดินทางกับกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยบางรายที่เป็นเคสอุบัติเหตุรุนแรงที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองและต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนต้องสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวทำให้ได้รับการรักษาที่ช้า เนื่องจากปัญหาสภาพถนนเส้นดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี