'เมื่อผู้ประกันตน แต่กลายเป็นผู้ป่วยชั้นสอง' เสียงสะท้อนจากเตียงคนไข้
เช้าวันหนึ่ง ลูกชายคนโตของผมมีอาการถ่ายเป็นเลือด ด้วยความกังวล ผมจึงให้เขาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งบนถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เขาเลือกไว้ในระบบประกันสังคม แม้จะเชื่อว่าสิทธิที่มีควรครอบคลุมการรักษาอย่างเหมาะสม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้ผมตั้งคำถามกับระบบประกันสังคมของไทยว่า “ระบบประกันสังคมในประเทศไทย ยังควรมีอยู่หรือไม่?”
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่แจ้งว่า หากต้องการใช้สิทธิประกันสังคม ลูกชายผมจะต้องรอคิวนาน และสามารถพบได้เพียงแพทย์เวรทั่วไป ไม่สามารถพบแพทย์เฉพาะทางได้ แต่หากเลือกจ่ายเงินเองจะสามารถพบแพทย์เฉพาะทางได้ทันที โดยไม่ต้องรอ
ลูกชายผมจึงตัดสินใจจ่ายเงินเอง แม้จะเป็นจำนวนเกือบสองพันบาท เพราะในเวลานั้น สุขภาพไม่ควรรอการจัดคิวจากระบบราชการ หากมีทางเลือกที่ดีกว่า แม้ต้องเสียค่าใช้จ่ายก็จำเป็นต้องเลือก สุดท้าย แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารระยะที่ 1 ซึ่งแม้จะไม่รุนแรง แต่ควรได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่ต้นเพื่อความมั่นใจและลดความเสี่ยง
เหตุการณ์นี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน หรืออาจเป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นบ่อยจนหลายคนรู้สึกเฉยชา แต่ในมุมของประชาชนไทยผู้จ่ายเงินสมทบเข้าระบบประกันสังคมเป็นประจำทุกเดือน เราจำเป็นต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดซ้ำ เพราะนี่คือปัญหาที่สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำที่ผู้ประกันตนจำนวนมากต้องเผชิญ ทั้งที่ควรได้รับการดูแลอย่างเสมอภาคตามสิทธิที่พึงมี
ระบบประกันสังคมที่ควรเป็นหลักประกันด้านสุขภาพกลับกลายเป็นระบบที่ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องยอมจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อรักษาความมั่นคงทางกายภาพและศักดิ์ศรีของตนเอง นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเดียวกัน ระหว่างผู้ป่วยที่จ่ายเงินเองกับผู้ป่วยที่ใช้สิทธิประกันสังคม
การแยกผู้ป่วยออกเป็นสองกลุ่ม ทำให้ผู้ใช้สิทธิประกันสังคมกลายเป็น “ผู้ป่วยชั้นสอง” โดยปริยาย ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเวลารอคิว การเข้าถึงแพทย์เฉพาะทาง หรือการได้รับยาที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของบุคลากรทางการแพทย์โดยตรง แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบ ซึ่งจำกัดสิทธิของผู้ประกันตนไว้กับโรงพยาบาลที่เลือกไว้เท่านั้น อีกทั้งงบประมาณรายหัวที่จัดสรรให้ผู้ประกันตนยังต่ำกว่าระบบอื่น เช่น บัตรทอง หรือสวัสดิการข้าราชการ ส่งผลให้โรงพยาบาลเอกชนขาดแรงจูงใจในการดูแลผู้ป่วยในระดับที่เท่าเทียมกัน
“ระบบประกันสังคมที่ควรทำหน้าที่เป็นหลักประกันสุขภาพ กลับกลายเป็นระบบที่ผลักให้ผู้คนต้องยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อรักษาเกียรติและความมั่นคงทางกายภาพของตนเอง นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น”
แล้วเราจะยังต้องจ่ายเงินสมทบต่อไปเพื่ออะไร? คำถามนี้ผุดขึ้นในใจขณะที่ลูกชายผมนั่งรอรับยา หากการรักษาที่ผู้ประกันตนได้รับยังต่ำกว่ามาตรฐาน และหากวันหนึ่งผู้ประกันตนจำนวนมากรู้สึกหมดศรัทธาจนคิดจะถอนตัวจากระบบ ซึ่งผมเชื่อว่าความคิดนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ความน่าเชื่อถือของกองทุนประกันสังคมคงถูกตั้งคำถามอย่างหนัก แม้กองทุนจะยังดำรงอยู่ในฐานะหน่วยงานของรัฐ แต่มันก็ล้มเหลวในฐานะระบบสวัสดิการที่ควรให้ความคุ้มครองอย่างเท่าเทียม
ที่ผ่านมา สังคมยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณของกองทุนประกันสังคมในบางโครงการ เช่น การจัดทำสื่อหรือกิจกรรมประชาสัมพันธ์บางประเภท ซึ่งประชาชนจำนวนไม่น้อยเห็นว่าควรมีการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์จากเงินสมทบของผู้ประกันตนถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในผู้ประกันตน แม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะ แต่หากรัฐต้องการรักษาความเชื่อมั่นของแรงงานไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ควรเร่งแก้ปัญหาระบบประกันสังคมอย่างจริงจัง ด้วยแนวทางต่อไปนี้
เปิดให้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาในเครือข่ายที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นปรับเพิ่มอัตราค่าบริการแก่โรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการผู้ประกันตน เพื่อรักษาคุณภาพบริการ กำหนดมาตรฐานใหม่ในการเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางสร้างระบบรับเรื่องร้องเรียนที่มีประสิทธิภาพ พร้อมช่องทางการติดตามผล สื่อสารสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนให้ชัดเจน และครอบคลุม
อย่างไรก็ตาม ทุกข้อเสนอจะไม่สามารถเกิดผลได้เลย หากยังมีการบริหารจัดการที่ขาดความโปร่งใส และมีข้อครหาเกี่ยวกับการใช้เงินกองทุนอย่างไม่ตรงวัตถุประสงค์ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับการปฏิรูปอย่างจริงจัง
ลูกชายผมอาจโชคดีที่ยังมีทางเลือกในการจ่ายเงินเองในยามจำเป็น แต่ผู้ประกันตนอีกมากอาจไม่มีโอกาสเช่นนั้น ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกันตนซึ่งถูกหักเงินเข้าระบบทุกเดือน ต้องลุกขึ้นมาตั้งคำถาม ตรวจสอบ และมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ระบบประกันสังคมของไทย กลายเป็นหลักประกันสุขภาพที่แท้จริง และคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของแรงงานไทยอย่างที่ควรจะเป็น
เขียนโดย ผศ.ชาติณรงค์ วิสุตกุล อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี