กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ท่ามกลางกระแสการประท้วงและแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้ขับแท็กซี่บางกลุ่มตลอดช่วงที่ผ่านมา กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมได้ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลใช้แนวทางการบังคับใช้กฎระเบียบกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ทุกฝ่ายจะสนับสนุนการกำกับดูแลเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการขนส่ง แต่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเตือนว่า การบังคับใช้อย่างกะทันหันโดยปราศจากแผนความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และขาดการเตรียมการรองรับผลกระทบอย่างรอบด้าน อาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ แรงงาน และภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับขี่จำนวนมากที่พึ่งพารายได้เสริมจากการให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงอยู่ในภาวะเปราะบาง
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) อยู่ระหว่างการเตรียมออกกฎหมายใหม่ ซึ่งจะกำหนดให้แอปพลิเคชันเรียกรถสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้เฉพาะกรณีที่ยานพาหนะดังกล่าวจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะอย่างถูกต้องตามหมวดหมู่ รย.17 (รถจักรยานยนต์รับจ้าง) และ รย.18 (รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน มีรถที่จดทะเบียนถูกต้องตามหมวดหมู่ รย.17 และ รย.18 รวมกันไม่ถึง 5% ของจำนวนรถที่ให้บริการอยู่บนแพลตฟอร์มทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสรรคเชิงโครงสร้างในการจดทะเบียนและภาระค่าใช้จ่ายในการแปลงสถานะรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้ในเชิงพาณิชย์
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีอุปสรรคสำคัญอยู่สองประการ ได้แก่ : การขอใบขับขี่รถสาธารณะยังมีข้อจำกัดเชิงระบบ และกระบวนการจดทะเบียนยานพาหนะยังคงซับซ้อนและล่าช้า: แม้จะมีความพยายามปรับปรุงขั้นตอนการขอใบอนุญาตขับรถสาธารณะในบางพื้นที่ แต่โดยภาพรวมยังพบว่ากระบวนการอบรมและการทดสอบต่าง ๆ ยังคงใช้เวลานานและมีขั้นตอนจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตกรุงเทพฯ ซึ่งมีศูนย์บริการและเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้สมัคร ส่งผลให้เกิดคิวสะสมและระยะเวลารอคอยที่ยาวนาน ทำให้ผู้ขับขี่จำนวนมากไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนได้อย่างทันเวลา นอกจากนี้ การประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่เอื้อต่อการเร่งรัดการอนุมัติและออกเอกสาร ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมของระบบยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับความต้องการเร่งด่วนของผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์ม
อุปสรรคทางการเงินและข้อจำกัดทางกฎหมาย : ผู้ขับขี่ที่ประกอบอาชีพในลักษณะพาร์ทไทม์ต้องเผชิญกับภาระทางการเงินสูงในการแปลงสถานะรถเป็นรถสาธารณะ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการปรับสัญญาเช่าซื้อกับสถาบันการเงิน ค่าเบี้ยประกันภัยที่ยังขาดความยืดหยุ่นสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน และค่าใช้จ่ายด้านเอกสารเพื่อขอเล่มทะเบียนรถในกรณีที่ยังไม่ได้ถือกรรมสิทธิ์ โดยเฉพาะในกรณีของรถเช่าซื้อ ผู้ขับขี่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่ามัดจำเล่มทะเบียน ค่าดำเนินการ และอาจรวมถึงดอกเบี้ยส่วนเพิ่ม ภาระเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อยหรือผู้ที่ขับรถผ่านแอปเป็นอาชีพเสริม
หากขาดแผนความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และไม่มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผลกระทบอย่างรอบด้าน กฎระเบียบดังกล่าวอาจทำให้ผู้ขับขี่จำนวนมากต้องหยุดให้บริการ ส่งผลให้ระบบขนส่งเกิดความชะงักงัน และทำให้ผู้มีรายได้น้อยต้องเผชิญกับความลำบากทางการเงินมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนผู้ให้บริการในพื้นที่ท่องเที่ยว และขัดต่อเป้าหมายของรัฐบาลในการส่งเสริมการเข้าถึงบริการดิจิทัลและการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
กลุ่มผู้สังเกตการณ์ยังเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความสะดวกสบาย หากจำนวนผู้ให้บริการลดลงอย่างรวดเร็ว ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวอาจลดลง และส่งผลกระทบในวงกว้างต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศ
เพื่อลดผลกระทบและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอย่างเหมาะสม กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเสนอให้รัฐบาลดำเนินการตามแนวทางแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงขยายขีดความสามารถของระบบการออกใบอนุญาตขับรถสาธารณะให้ครอบคลุมทุกพื้นที่โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีความต้องการสูง ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับลักษณะการทำงานของผู้ขับขี่แบบพาร์ทไทม์ และปรับปรุงกระบวนการจดทะเบียนยานพาหนะให้มีความสะดวกและลดความซับซ้อนของขั้นตอนด้านเอกสาร
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านที่มีโครงสร้างที่ครอบคลุม และสะท้อนความเข้าใจบริบทของผู้ให้บริการในระบบอย่างแท้จริง จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถยกระดับระบบขนส่งให้ทันสมัยได้อย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการคุ้มครองความเป็นอยู่ของทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการทุกคน รวมถึงเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี