โรงเรียนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในบุรีรัมย์เร่งซักซ้อมแผนอพยพนักเรียนและจัดเตรียมหลุมหลบภัยอย่างเข้มข้น หลังข้อพิพาทเรื่องเขตแดนบริเวณช่องบก ปะทุขึ้นอีกครั้ง ผู้บริหารโรงเรียนและชาวบ้านยอมรับวิตกกังวลเป็นพิเศษ เพราะบทเรียนจากการปะทะในปี 2554 ชี้ชัดว่าความรุนแรงอาจเพิ่มขึ้นจากอาวุธที่ทันสมัยขึ้นในปัจจุบัน
วันที่ 5 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากมีกระแสข่าวความขัดแย้งเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน 12 ตารางกิโลเมตร ในเขต "สามเหลี่ยมมรกต" ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อสามประเทศ (ไทย-กัมพูชา-ลาว) ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนอย่างเป็นทางการ
กระแสข่าวดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีแนวเขตติดกับประเทศกัมพูชาบริเวณจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร เนื่องจากชาวบ้านยังคงจดจำเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อปี 2554 ที่สร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส และหวั่นเกรงว่าหากเกิดการปะทะขึ้นอีกครั้งในตอนนี้ อาจมีความรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
แม้ประชาชนในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จะยังคงใช้ชีวิตตามปกติ และโรงเรียนยังคงเปิดการเรียนการสอน แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการปรับปรุงหลุมหลบภัยภายในโรงเรียน และให้นักเรียนซักซ้อมแผนการอพยพอย่างต่อเนื่อง
นางสาวอรพรินทร์ กมลชิด ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกกะชาย ต.โคกกะชาย อ.บ้านกรวด เปิดเผยว่า โรงเรียนได้ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์เขต 2 อย่างเคร่งครัด มีการจัดทำแผนเผชิญเหตุและมาตรการความปลอดภัยของสถานศึกษา โดยให้นักเรียนได้ซักซ้อมการอพยพเป็นระยะมาตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะในปี 2554
"ผู้ปกครองนักเรียนได้สอบถามเข้ามายังโรงเรียนเป็นระยะถึงสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งเราได้มีการประสานงานกับผู้นำชุมชนและผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น" นางสาวอรพรินทร์กล่าว
ด้านนางสุภาพ วงศาจันทร์ รักษาการหัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านสายโท 9 อ.บ้านกรวด ยอมรับว่ามีความน่ากลัว เพราะอาวุธในปัจจุบันมีความทันสมัยมากขึ้น "เรามีการเชื่อมโยงกันทางโซเชียลกับชุมชนและผู้ปกครองเด็ก เพื่อให้ศึกษาเส้นทางการอพยพล่วงหน้า มีการวางแผนชัดเจนว่าแต่ละหมู่บ้านจะต้องวิ่งเส้นทางอพยพไปทางไหน เป้าหมายอยู่ที่ไหน เพื่อไม่ให้เกิดการสับสนหรือไปกระจุกรวมกันเกินไปเหมือนครั้งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 54 ส่วนความตื่นตระหนกของชาวบ้านในตอนนี้ไม่ค่อยมากนัก เพราะมีระบบโซเชียลคอยประสานกันตลอดเวลา" นางสุภาพกล่าวเสริม
นางสาวหนูแตน สิทธิ์วงศ์ อายุ 45 ปี ผู้ปกครองเด็กในพื้นที่ แสดงความวิตกกังวลอย่างชัดเจน โดยเล่าว่าในเหตุการณ์ปะทะครั้งก่อน มีลูกระเบิดตกลงในหมู่บ้านถึง 21 ลูก หากเกิดขึ้นในช่วงที่เด็กเปิดเทอมเช่นนี้ ยิ่งน่าเป็นห่วง "ส่วนตัวอยากจะฝากถึงรัฐบาลกัมพูชา ถ้าจะทำอะไรให้คิดถึงชีวิตมนุษย์ด้วย" นางสาวหนูแตนกล่าวทิ้งท้ายด้วยความอัดอั้น - 001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี