ความคืบหน้า ‘วัดโรงบ่ม’ รื้อสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่พิพาท เตรียมสร้างโบสถ์ใหม่ตามเจตนาศรัทธา ฝ่ายผู้ปฏิบัติธรรมวอน ‘อย่าทำลายสิ่งเก่า’
วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีวัดโรงบ่มสามัคคีธรรม หมู่ที่ 3 ตำบลยางงาม อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ดำเนินการจ้างรถแบคโฮเข้ารื้อถอนอาคารและรูปปั้นภายในสถานปฏิบัติธรรม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตวัด ส่งผลให้มีผู้ปฏิบัติธรรมบางรายได้รับบาดเจ็บจากเศษกระเบื้องและปูนที่หล่นใส่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา (อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : ชาวเน็ตเสียงไม่แตก! ‘รื้อโรงเจชื่อดังเพชรบูรณ์’ ปมพิพาทครองที่ดินวัดเรื้อรังกว่า10ปี)
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พบว่าพระอธิการนุช ฉฬภิญโญ เจ้าอาวาสวัดโรงบ่มสามัคคีธรรม พร้อมด้วยคณะกรรมการวัด ร่วมให้การต้อนรับเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตำนาเฉลียง ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
พระอธิการนุชฯ ชี้แจงว่า การรื้อถอนอาคารดังกล่าวมีความจำเป็น เพื่อใช้พื้นที่ในการก่อสร้างอุโบสถและกำแพงวัด ตามเจตนารมณ์ของญาติโยมที่ร่วมกันบริจาคปัจจัย โดยได้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งมีคำพิพากษาศาลจังหวัดวิเชียรบุรี เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ในคดีหมายเลขดำที่ ม.74/2562 และหมายเลขแดงที่ ม.16/2563
ในรายงานการพิจารณาคดีดังกล่าว ระบุว่า ฝ่ายวัดเป็นโจทก์ฟ้องร้องนางสาวณภัสนันท์ กับพวกรวม 2 คน เป็นจำเลย ซึ่งศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่พิพาทเรียบร้อยแล้ว และทรัพย์สินหรือสิ่งปลูกสร้างที่สร้างไว้ถือว่าตกเป็นของวัดโดยชอบด้วยกฎหมาย คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงร่วมกันว่า ไม่ติดใจการบังคับคดีอีกต่อไป
วัดโรงบ่มจึงได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 แจ้งให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ภายใน 3 วัน มิฉะนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเน้นย้ำว่าการกระทำทุกขั้นตอนได้ดำเนินตามกรอบของกฎหมายและความเห็นชอบของประชาคมหมู่บ้านเป็นส่วนใหญ่
ด้าน นางบุษบา อายุ 54 ปี ผู้ก่อตั้งโรงเจ “โรงบ่มนาเฉลียง” เผยว่า กลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมไม่มีเจตนาครอบครองพื้นที่วัด เพียงอยากขอให้วัดเห็นคุณค่าและไม่ทำลายสิ่งปลูกสร้างที่ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินอีกต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังจากคณะเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว มีการประชุมร่วมกันภายในศาลาวัดโรงบ่ม โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วม และหลังการประชุมเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้แยกย้ายกลับโดยไม่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
เหตุการณ์ครั้งนี้ สะท้อนปมขัดแย้งเรื้อรังระหว่างฝ่ายวัดและกลุ่มผู้ศรัทธาที่ใช้พื้นที่วัดร่วมกันมานาน ซึ่งแม้จะมีข้อยุติทางกฎหมายแล้ว แต่อารมณ์ความรู้สึกและความเชื่อของชุมชนยังคงรอการเยียวยาอย่างรอบด้าน ///-026
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี