วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
หัวใจแตกสลาย จากการสูญเสียหลังเหตุการณ์ความรุนแรง สู่โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD)

หัวใจแตกสลาย จากการสูญเสียหลังเหตุการณ์ความรุนแรง สู่โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD)

วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 10.14 น.
Tag : โรคเครียด เหตุการณ์ความรุนแรง เหตุการณ์สะเทือนขวัญ
  •  

บางครั้ง…สิ่งที่หลงเหลือจากภัยพิบัติหรือเหตุการณ์รุนแรงอาจไม่ใช่แค่ซากปรักหักพัง หรือรอยแผลภายนอก แต่คือรอยร้าวลึกในจิตใจของผู้สูญเสีย โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่ต้องพรากไปคือ “คนที่เรารักที่สุด” ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ คู่ชีวิต ลูก หรือเพื่อนสนิท การจากลาอย่างกะทันหันท่ามกลางเหตุการณ์อันสั่นสะเทือนจิตใจ อาจกลายเป็นบาดแผลเรื้อรังที่ไม่สามารถสมานได้ด้วยเวลา และทำให้ผู้ที่ยังอยู่ ตกอยู่ในภาวะ “โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ” หรือ PTSD โดยไม่รู้ตัว

พญ.ดุจฤดี อภิวงศ์ จิตแพทย์ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า PTSD โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (Post-Traumatic Stress Disorder) เป็นภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังจากเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนรุนแรงทั้งทางกายและใจ เช่น ภัยพิบัติ อุบัติเหตุร้ายแรง การถูกคุกคาม หรือแม้แต่การได้เห็นเหตุการณ์อันโหดร้าย รวมถึงการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในเหตุการณ์เหล่านั้น อาการของโรคมักไม่แสดงทันที แต่อาจค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบงันภายในระยะเวลา 1 เดือนหลังเหตุการณ์ หรืออาจนานเป็นปี โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่ ภาพเหตุการณ์ย้อนกลับ (Flashbacks) ฝันร้าย หวาดกลัว ระแวง หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ความรู้สึกผิด ความสิ้นหวัง การนอนไม่หลับ วิตกกังวล หรือรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง ซึ่งอาการเหล่านี้อาจรบกวนชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง กระทบทั้งความสัมพันธ์ การงาน และการเข้าสังคม


สิ่งสำคัญที่หลายคนอาจไม่รู้คือ อาการของ PTSD มีรากมาจากระบบประสาทของร่างกายที่ถูกรบกวน โดยเมื่อเผชิญเหตุรุนแรง สมองจะกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic Nervous System) ให้ร่างกายตื่นตัวต่อภัยอันตราย และลดการทำงานของระบบพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic Nervous System) ที่มีหน้าที่ฟื้นฟูและผ่อนคลาย เมื่อระบบตื่นภัยทำงานหนักเกินไปต่อเนื่อง สมองและร่างกายจะอยู่ในสภาวะเครียดตลอดเวลา หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ กล้ามเนื้อเกร็ง สมองไม่สามารถกลับสู่ภาวะสมดุล ส่งผลให้เกิดอาการทางจิตใจเรื้อรังตามมา

กลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ไม่ได้มีแค่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น สูญเสียคนใกล้ชิด ได้เห็นภาพความรุนแรงซ้ำ ๆ หรือมีความไวต่อความเครียดสูงเป็นทุนเดิม หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง โรคนี้อาจลุกลามกลายเป็นโรคซึมเศร้า หรือพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ เช่น การใช้สารเสพติด หรือการเก็บตัวแยกจากสังคมอย่างรุนแรง

พญ.ดุจฤดี ให้ข้อมูลต่อว่า แม้โรคนี้จะดูซับซ้อน หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาการสามารถบรรเทาและฟื้นฟูได้ โดยเริ่มจากการดูแลตนเองในระดับเบื้องต้น เช่น การฝึกหายใจลึกและช้า (Breathing Exercise)  ที่ช่วยให้ระบบประสาทเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย การจดบันทึกความรู้สึกเพื่อเข้าใจและปลดปล่อยความคิดที่ติดค้างในใจ การฝึกสมาธิหรืออยู่กับปัจจุบัน (Mindfulness) ที่ช่วยให้เราค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวเองจากอดีต รวมถึงการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และคาเฟอีนที่กระตุ้นอาการให้รุนแรงขึ้น กิจกรรมอย่างศิลปะบำบัด ดนตรีบำบัด ออกกำลังกายเบา ๆ หรือการได้ทำงานอาสาและใช้เวลาอยู่กับผู้คนที่ปลอดภัย ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้ใจกลับมาแข็งแรงทีละน้อย

สิ่งสำคัญที่สุดคือ “อย่าปล่อยให้ตัวเองหรือคนที่คุณรักต้องเผชิญกับภาวะนี้ตามลำพัง” หากรู้สึกว่าไม่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง หรือมีอาการที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตโดยเร็ว เพราะการได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีตั้งแต่ต้น จะช่วยให้ฟื้นตัวได้รวดเร็ว และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง

พญ.ดุจฤดี ให้ข้อทิ้งท้ายว่า “สุขภาพจิตที่ดี เริ่มต้นจากการรู้เท่าทันตัวเอง หมั่นสังเกตอารมณ์ ยอมรับความรู้สึก และฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบันเสมอ การฝึกสติไว้ก่อนเหตุการณ์จะเกิด เปรียบเสมือนเรียนรู้วิธีว่ายน้ำก่อนจะตกน้ำ หากเราเตรียมใจให้แข็งแรงตั้งแต่วันนี้ ก็จะไม่มีอะไรทำให้เราจมลงไปกับความเศร้าได้ง่าย ๆ อีกต่อไป”

หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังอยู่ในภาวะยากลำบากจากการสูญเสีย หรือรู้สึกใจไม่ไหว อย่ารอให้สายไป สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพจิต สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1270 หรือ Website: www.praram9.com / Line: lin.ee/vR9xrQs หรือ @praram9hospital และ Facebook: Praram9 Hospital โรงพยาบาลพระรามเก้า HEALTHCARE YOU CAN TRUST เรื่องสุขภาพ…ไว้ใจเรา #Praram9Hospital อย่าลืมชวนคนที่คุณรัก มาร่วม “โอบกอดสุขภาพดีไปด้วยกัน” เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'เก๋ ชลลดา'สวมผ้าไทยดีไซน์เก๋ แชะภาพโชว์ความงดงามที่วัดอรุณฯ

'ทายาทอดีตไวยาวัจกร' แจงยินดีคืน'ที่ดิน-เงิน2.7ล.'ให้วัด ยันไม่เคยพูด'อยากได้ให้ไปฟ้อง'

'ฮุน เซน'หัวร้อน! ด่ากราด'สม รังสี'เป็นคนหรือสัตว์ หลังออกประณามกองทัพกัมพูชา

ฮีโร่ม.ปลาย! นร.สาวเพชรบูรณ์ 'ปั๊มหัวใจ' ช่วยคุณตาลุงบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved