จากกรณีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า บอกว่าประเทศไทยต้องไปศาลโลก เพราะอาจจะเสียเปรียบเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากถึงกรณีดังกล่าว
ล่าสุด 'น้องนนท์' อายุ 18 ปี หรือเจ้าของช่องบนติ๊กต็อกชื่อ "nonnyhistory" ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ตอนหนึ่งว่า ผมขออนุญาตแย้ง น.ส.พรรณิการ์ เนื่องด้วยตนมีแนวคิดที่ เห็นด้วยกับบางส่วนกับที่น.ส.พรรณิการ์พูด แต่ในบางส่วนอยากให้ปรับความคิด ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น 100 % ที่เราต้องไปศาลโลก ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเปรียบในเวทีโลก ซึ่งมองว่ามันเป็นตรรกะที่ไม่กว้างพอ ที่จะพบว่าไทยจะรักษาอธิปไตยได้หรือไม่
ทั้งนี้ เราต้องได้การยอมรับจากนานาชาติอันนี้ถูกต้อง แต่กว่าจะมาเป็นทุกวันนี้เราก็ได้รับการยอมรับจากนานาชาติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีเหตุผลอะไร เพราะเราไม่ได้อยู่ในช่วงการจัดตั้งรัฐ เราอยู่ในสหประชาชาติอยู่แล้ว หากย้อนไปจะเห็นว่าหากประเทศจะได้รับอธิปไตยได้ จะต้องได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ซึ่งเราได้รับการยอมรับอยู่แล้ว ศาลโลกไม่ได้เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายว่า ทุกอย่างจะถูกหมด เพราะศาลโลกก็มีโอกาสที่จะมีการตัดสินไม่เป็นธรรม หรือมีการเอนเอียงทางฝั่งใดฝั่งหนึ่งได้ เนื่องจากศาลมีทางหลายฝ่ายให้ความเห็นมาที่คล้ายกันว่า โอกาสที่จะเป็นในทางอคติหรือผลประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สำหรับแผนที่ระหว่างประเทศก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน
"ผมไม่อยากให้คุณช่อมองว่า เราต้องไปศาลโลก เพื่อให้มีสายตาในเวทีโลกอย่างเดียว ผมเข้าใจว่าการเข้าหาหลายๆประเทศ การเจรจากันผลประโยชน์ร่วมกันอย่างสันติสุขผมเข้าใจมุมมองนี้"
น้องนนท์ อธิบายอีกว่า ยกตัวอย่าง ศาลโลกตัดสินให้ฟิลิปปินส์ชนะคดีพิพาททะเลจีนใต้ แต่จีนไม่ยอมรับ ส่วนรัสเซียก็ไม่ยอมรับศาลอำนาจศาลโลก โดยรัสเซียบุกยูเครนต่อ เพราะรัสเซียไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ซึ่งมันเป็นปัญหาระหว่างสองประเทศ และสหรัฐก็ไม่ยอมรับฟังอำนาจศาลโลกเช่นกัน เพราะสหรัฐเป็นประเทศมหาอำนาจ
ทั้งนี้ แม้ไทยจะไม่ใช่ประเทศที่เป็นมหาอำนาจ แต่มาตรา 36 ของกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวถึงการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของคณะรัฐมนตรีความมั่นคงในการแนะนำขั้นตอนหรือวิธีการแก้ไขข้อพิพาท นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการรัฐภาคีประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ โดยปริยาย
ซึ่งเราสามารถปฏิเสธที่จะไม่ไปศาลโลกได้ ถ้าเรามีเอกสารและข้อมูลที่สามารถชี้แจงไปยังศาลโลกได้ว่า พื้นที่ตรงนี้ระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น มันเป็นของประเทศไทยไม่ใช่ของกัมพูชา ตามแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 เป็นแผนที่ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ย้อนกลับไปตอนที่เราเสียปราสาทเขาพระวิหาร เป็นเพราะว่าเราเงียบไม่มีการคัดค้านไปยังศาลโลกศาล จึงได้ตัดสินตามแผนที่ที่กัมพูชาอ้างให้ชนะคดีไป โดยที่เราเสียปราสาทเขาพระวิหารไป เพราะว่าประเทศเราไม่มีคนไปแย้งต่อศาลโลก จึงเป็นเหมือนการยอมรับโดยปริยาย
และอีกประเด็น คือ น.ส.พรรณิการ์ชอบพูดว่า ถ้าเราไม่ไปศาลโลกนานาชาติจะไม่ยอมรับ ผมตอบว่าไม่จริงเสมอไป เช่นประเทศที่ผมได้กล่าวอ้างมาข้างต้นก็ไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลกเช่นกัน เพื่อไม่ให้เสียอธิปไตยของประเทศตัวเองไป โดยเฉพาะไทยมีแผนที่ 1:50,000 เป็นการชี้ว่า ไทยเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในเวทีโลก ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลเพราะถ้าไปขึ้นศาลโดยที่เรายังไม่พร้อม เราเสียดินแดนแล้วใครจะมารับผิดชอบ อนาคตถ้าไปขึ้นศาลเราไม่มีโอกาสในการสู้ ถึงตอนนั้นอยากรู้ว่า น.ส.พรรณิการ์ มาวิเคราะห์เกี่ยวกับศาลโลกจะมีการแก้ปัญหารองรับเหตุผลตรงนี้หรือไม่
น้องนนท์ อธิบายต่ออีกว่า ถ้าเกิดไปศาลโลกแล้วมีข้อผิดพลาดขึ้นมา เราถูกกลายเป็นเราผิด โอกาสที่จะแก้กลับมายากมาก คือ เวลาที่จะจะไปต้องวิเคราะห์ข้อมูล และเตรียมตัวให้พร้อม ต้องมีเอกสารที่ถูกต้อง ตนไม่ได้บอกว่าไม่ให้ไป แต่ถ้าไปต้องมีความพร้อมในการเจรจา เพราะตามมาตรา 33 ของกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวถึงวิธีการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศโดยสันติวิธี คือ ให้ทั้งสองประเทศมาคุยกันโดยไม่มีประเทศที่สามเข้ามามาแทรกแซง จะต้องเจรจาผ่านกลไก JBC แต่กัมพูชาไม่คุยจะไปศาลโลกอย่างเดียว ซึ่งมันผิดมารยาททางการทูตมากในมาตรา 33 อยากให้มองความเป็นจริงให้ลึกกว่านี้ไม่ใช่แค่มองชั้นเดียว
"ผมไม่ได้มาแย้งในสิ่งที่ น.ส.พรรณิการ์ พูด แต่จะมาเสริมในส่วนที่มันขาดหายไป ผมไม่มีเจตนาอะไร แต่อยากจะให้ความรู้ตรงนี้ในการชี้แจง เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป แต่หากข้อมูลตรงไหนผิดพลาดสามารถที่จะมาแย้งกลับได้" 'น้องนนท์' กล่าว
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี