วันจันทร์ ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สาวร่างทรงสุดแค้น! เจอหมายศาลฟ้องขับไล่ น้าสาวงัดหลักฐานมัดตัว

สาวร่างทรงสุดแค้น! เจอหมายศาลฟ้องขับไล่ น้าสาวงัดหลักฐานมัดตัว

วันจันทร์ ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 10.58 น.
Tag : ร่างทรง หมายศาล
  •  

สาวร่างทรงสุดแค้น! เจอหมายศาลฟ้องขับไล่แบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้เสียใจร้องไห้จนล้มพับ ลั่นถ้ามีปืนจะยิงให้ตาย เสียใจที่น้าสาวแท้ ๆ ที่เลี้ยงดูตนมาไม่น่าทำกันแบบนี้ ขณะที่น้าสาวงัดหลักฐานมัด แจ้งเตือนมา 2 ปีแล้วทำเฉย

18 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่ง ถนนพระงาม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง นางสาวสุนิสา หรือแต๋ม อายุ 48 ปี กำลังร้องไห้ฟูมฟายและลั่นคำขู่ว่า “ถ้ามีปืนจะยิงให้ตายแล้ว” พร้อมทรุดตัวล้มลงไปนอนกองกับพื้นด้วยความเสียใจ หลังจากที่ถูก น.ส.ฐานิต หรือป้าดำ วัย 69 ปี ซึ่งเป็นน้าสาวแท้ๆ ฟ้องขับไล่ออกจากบ้านเช่าหลังดังกล่าวโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยมานานถึง 20 ปีแล้ว และไม่เคยจ่ายค่าเช่าเพราะเป็นที่ดินมรดกของคุณยาย แต่เป็นการบอกแบ่งให้ลูกหลานแบบปากเปล่าโดยไม่มีหลักฐาน เมื่อคุณยายและคุณแม่ของนางแต๋มเสียชีวิตลง ที่ดินจึงตกเป็นของน้าสาว


ซึ่งตั้งแต่ปี 2566 นางแต๋มป่วยด้วยโรคหัวใจ โรคลิ่มเลือดอุดขั้วหัวใจทั้ง 4 ห้องและโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค ประกอบกับลูกสาวของนางแต๋มสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ จึงพาครอบครัวย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ เพื่อสะดวกในการพบแพทย์  และดูแลลูกสาว โดยทิ้งบ้านเช่าหลังนี้มานาน 2 ปี จนกระทั่งมาทราบว่าถูกฟ้องขับไล่และมีการรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านออกมากองไว้นอกบ้าน ทำให้ข้าวของเสียหาย รถจยย.พ่วงข้างถูกดัดแปลงสภาพ เปลี่ยนสีรถ ไร้ที่อยู่อาศัย  และถูกถอดชื่อออกจากทะเบียนบ้าน จนกลายเป็นคนเร่ร่อน หลังเกรงว่าหลานสาวจะครอบครองปรปักษ์เพราะอยู่อาศัยนานเกิน 10 ปี

นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทรงเจ้า หิ้งบูชาไอ้ไข่วัดเจดีย์ เสื้อผ้าชุดขาวกินเจ และศาลเจ้าภายในบ้านก็เสียหายไปมาก โดยนางแต๋มอ้างว่าบ้านหลังที่ตนอยู่ เป็นเงินของแม่และน้าสาว หรือป้าดำ ที่ช่วยกันก่อสร้างขึ้นมาสมัยที่คุณตาคุณยายยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทำให้นางแต๋มคับแค้นใจมาก เพราะเสียใจที่น้าสาวแท้ๆที่เลี้ยงดูตนมาตั้งแต่เล็ก ทำกับตนได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็ยอมเร่งขนย้ายสิ่งของที่เหลือออกจากบ้านด้วยน้ำตานองหน้า

โดยนางสาวสุนิสา เล่าทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ตนขอความเป็นธรรม เอาความถูกต้องเอาความจริงมาพูดกับตน ว่าตนจะอยู่บ้านหลังนี้ได้หรือไม่ จะให้ตนไปอยู่ที่ไหนทำไมทำกับตนแบบนี้ ทั้งที่ตนเป็นหลานแท้ๆไม่ใช่คนนอก เป็นหลานที่คลานตามหลังพี่สาวเขามา ทำไมหลานคนอื่นถึงอยู่ได้ แต่ทำไมทำกับตนขนาดนี้ ตนจึงขอความเป็นธรรมจากทุกหน่วยงานเพราะตนเป็นคนไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย เป็นแค่แม่ค้าขายขนมถังแตกไปกินนอนที่วัด

ตนรู้ตัวอีกทีตอนถูกฟ้องขับไล่ตอนที่ลงมาดูบ้านแล้ว และมีสภาพอย่างที่เห็น โดยบ้านหลังนี้ตนไม่ได้เช่า เพราะสมัยก่อนเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว คุณตาคุณยายจะบอกให้กันแบบปากเปล่า ทุกคนจึงอยู่รวมกันไม่มีใครออกจากบ้าน ทุกคนยังอยู่ที่เดิม ซึ่งบ้านหลังนี้แม่ตนกับนางฐานิต เป็นคนสร้างแต่ตนไม่รู้มากนัก เพราะยังเป็นเด็ก รู้แค่ว่าตนสามารถอยู่บ้านหลังนี้ได้ในฐานะหลานมาตั้งแต่ปี 2547

แต่ปัจจุบันบ้านถูกรื้อค้นเสียหายทั้งหลัง ของชำรุดเสียหาย และถูกเปลี่ยนกุญแจ ตั้งแต่ตนออกจากบ้านไปเพราะมีโรคประจำตัว คือโรคลิ่มเลือดอุดขั้วหัวใจทั้ง 4 ห้อง ถ้าไม่กินยาวันไหนหัวใจก็จะหยุดเต้นโดยอัตโนมัติ ตนจึงต้องไปรักษาและไม่มีคนดูแลเพราะต้องสลบไปเป็นวัน ๆ หลังการรักษา อีกอย่างลูกสาวสอบได้สวนสุนันทาและเป็นลูกสาวคนเดียวที่ไม่เคยออกจากบ้าน จึงไปรักษาตัวและดูแลลูกสาวไปด้วย

'(เริ่มร้องไห้) จึงวอนให้ความช่วยเหลือโดยให้เอาความเป็นจริงมาคุยกับตน ให้แผ่นดินที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ตนอยู่ ให้ตนได้เกิดได้ตายที่นี่ อย่าให้ไปตายข้างถนน เพราะชีวิตตนไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะตนไม่รู้จะไปต่อทางไหน ของก็ต้องขนไปไว้กลางแจ้ง ไม่มีที่อยู่เพราะตั้งตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้าตายตัวเองก็ไม่ได้มาฝังที่นี่มันเป็นเหตุการณ์ที่สาหัสมากจนพูดไม่ออก'

โดยการขนย้ายในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับคดี จ.ตรัง ร่วมเป็นพยานด้วย พร้อมจดบันทึกสภาพสิ่งของภายในบ้านที่ถูกนางแต๋มอ้างว่า สูญหายและเสียหายบางส่วน เพื่อนำไปสู่การเจรจาไกล่เกลี่ย ในฐานะน้า-หลาน

ขณะที่นางสาวฐานิต หรือป้าดำ เจ้าของบ้าน ยอมรับว่า ตนเลี้ยงดูนางแต๋มมาตั้งแต่เล็กก็จริง แต่แต๋มไม่เคยจ่ายค่าเช่าห้อง ซ้ำยังค้างจ่ายค่าน้ำค่าไฟจนตัวเองต้องไปจ่ายแทนให้หลายครั้ง และยังช่วยเหลือหลานสาวกับเหลนอีกหลายเรื่อง แต่แต๋มไม่สำนึกบุญคุณ มีนิสัยก้าวร้าว ทำให้ผู้เช่ารายอื่น ๆ ย้ายหนีหมด และอีกหลายเรื่องคาใจ แต่ที่สำคัญคือตอนนี้ตนกำลังเดือดร้อนเรื่องเงิน จึงต้องการจะขายบ้านเช่า เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ โดยได้ทำหนังสือและติดต่อทางโทรศัพท์กับลูกสาวของแต๋มและสามีของแต๋มมาตลอด จนรับทราบว่า จะต้องย้ายออกจากบ้านมาตั้งแต่ปี 2566 

โดยงัดหลักฐานการแชทไลน์คุยกับแต๋ม ที่ใช้ชื่อเฟสว่า “น้องหญิงกุ๊ก ๆ กู๊”  พร้อมหลักฐานการโอนเงินจ่ายค่าน้ำและอื่น ๆ ให้กับแต๋ม มีข้อความคุยกับลูกสาวของแต๋ม ซึ่งลูกสาวของแต๋ม พิมพ์มาบอกว่าคุณแม่รับรู้เรื่องที่จะให้ย้ายออกแล้ว และรับรู้มาตลอด 2 ปี ไม่ได้ขาดการติดต่อ แต่ก็ยังไม่ยอมย้ายออก

ซึ่งนางสาวฐานิต หรือป้าดำ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องฟ้องขับไล่คือ 1.ค้างค่าเช่าบ้าน 2.มีความประสงค์จะขายบ้าน จึงบอกให้เขาออกจากบ้าน โดยแจ้งด้วยวาจา ติดต่อกันหลายครั้ง ซึ่งทางเขาก็รับทราบ โดยบอกแล้วว่าถ้าไม่ย้ายออกจะดำเนินการตามกฎหมาย บอกมาล่วงหน้า 2 ปีแล้ว เขาก็รับรู้และมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร หลักฐานบุคคล ซึ่งทางโน่นสามารถกล่าวอ้างได้ค่อยไปหักล้างกันเพราะตนมีหลักฐานพยานบุคคลหลายคน ซึ่งนางแต๋มเป็นหลานแท้ๆลูกของพี่สาวตน

ตอนตนมาเปิดบ้านเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เราก็ได้ถ่ายรูปไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็อยู่ แต่ก่อนหน้านี้เราไม่รู้ที่เขากล่าวอ้างว่าทรัพย์สินเสียหาย เราไม่ทราบ แต่วันที่ตนเปิดบ้านมีตำรวจมาด้วยในวันที่ 6 เราได้ถ่ายรูปไว้ ส่วนเรื่องที่ดินเป็นของเขานั้นไม่จริง  เมื่อก่อนเป็นชื่อของย่าแล้วโอนมาให้ตน เป็นผู้ครอบครองมาหลายปีแล้ว ส่วนความเป็นธรรมคือให้เขาปฎิบัติตามกฎหมาย เมื่อเช่าบ้านเราบอกให้เขาย้ายเขาไม่ย้าย เราก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือฟ้องขับไล่ ศาลก็มีคำสั่งมาแล้ว เขาก็ต้องปฎิบัติตามกฎหมายไม่มีใครอยู่นอกเหนือกฎหมายก็เท่านั้นเอง.

012

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เจาะใจ!\'นายก อบต.ร่างทรงพ่อปู่จันทร\'รับดูดวงหาเงินเลี้ยงหมาจรจัดช่วยคนจนหมด10ล้าน เจาะใจ!'นายก อบต.ร่างทรงพ่อปู่จันทร'รับดูดวงหาเงินเลี้ยงหมาจรจัดช่วยคนจนหมด10ล้าน
  •  

Breaking News

ตะวันฉาย’ได้ไฟต์ชก!ดวลนักมวยจีนกรุยทางแชมป์มวยONE

พาณิชย์พบบริษัท‘นอมินีต่างชาติ’ 46,000 แห่ง หากินบนแผ่นดินไทย

ชาวไร่ยุติชุมนุม! หลังผู้ว่าฯเพชรบูรณ์ รับข้อเรียกร้องแก้ปัญหา ‘ราคาข้าวโพดตกต่ำ’

'โอปอล'เดินหน้าโครงการ Opal for Her จับมือมูลนิธิกาญจนบารมีส่งต่อการตรวจคัดกรองและความรู้เรื่องมะเร็งเต้านมสู่ชุมชนทั่วประเทศ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved