ผ่าปมกล่องบริจาค "วัดพระบาทน้ำพุ" "แท็กซี่อุ้มบุญ" เปิดโปงระบบแบ่งเงิน 70 : 30 สังคมตั้งคำถามฉ้อโกงประชาชนหรือไม่?
นายสุวรรณฉัตร พรหมชาติ หรือที่รู้จักกันในนาม "แท็กซี่อุ้มบุญ" ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลในรายการโหนกระแสเกี่ยวกับประเด็น "กล่องบริจาค" บนรถแท็กซี่ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ เล่าว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ปกติเป็นจิตอาสาของ FM 99.5 รายงานจราจรและแจ้งเหตุต่างๆ ซึ่งได้ถูกเพื่อนสถานี FM 91 ชักชวนไป เข้าร่วมโครงการกระปุกบุญ ซึ่งขณะนั้นผมเป็นกล่องที่ 36 เมื่อไปถึงเขาก็ยกกล่องกระปุกบุญ ไปวิ่งได้ 3 อาทิตย์ กระปุกหยอดไม่ลง เพราะเมื่อผู้โดยสารขึ้นมาก็อยากร่วมทำบุญ เท่าที่เห็น หยอด 100 , 500 , 1000 จนทำให้ผมขนลุก เพราะหน้ากล่องการันตีด้วยรูปหลวงพ่อ แล้วก็รูป FM 91
จากที่ผมเป็นแท็กซี่จิตอาสาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งผู้ป่วยฟรีแต่ละวันก็หลายเคส ทั้งมีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้เลย แล้วยังต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน แต่เมื่อญาติของผู้ป่วยขึ้นรถมาเห็นกล่องบริจาค ด้วยความเกรงใจ ก็พากันหยอดเงินบริจาค แต่จุดประสงค์ของผมคือการช่วยเหลือผู้ป่วยฟรี ถ้าเอากล่องมาวางแบบนี้ ผมสงสารคนป่วย ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี
ประเด็นหลักที่ นายสุวรรณฉัตร เปิดเผยคือ เรื่องการแบ่งเงินบริจาค โดยระบุว่าเงินที่ผู้โดยสารบริจาคผ่านกล่องบนรถแท็กซี่นั้นไม่ได้ส่งตรงไปยังวัดทั้งหมด แต่มีการแบ่งส่วนกันในลักษณะ 70 : 30 ซึ่งหมายความว่า 70% ของเงินจะถูกนำไปมอบให้วัด ส่วนอีก 30% ที่เหลือจะถูกหักไว้ให้กับโชเฟอร์แท็กซี่
ขณะที่เมื่อถึงการรวบรวมกล่องทั้งหมด 36 กล่อง ได้ยอดเงินรวมกว่า 1 แสนบาท ต่อมาเริ่มมีการกระจายกล่องไปกว่า 1,000 กล่อง หลังนับเงินเสร็จ ประธานโครงการให้สมาชิกโหวตเห็นชอบว่าจะหัก 30% ของเงินบริจาคไว้กับกลุ่มแท็กซี่ โดยอ้างเป็นคำสั่งจากหลวงพ่อ และใช้เป็นค่าใช้จ่ายของโครงการ เช่น ค่ากล่องและสติกเกอร์ แต่ตนไม่เห็นด้วย จึงตัดสินใจคืนกล่องไป
การออกมาให้ข้อมูลครั้งนี้ของนายสุวรรณฉัตร ทำให้เกิดคำถามและข้อสงสัยในสังคมเป็นอย่างมากว่าการแบ่งเงินบริจาคในลักษณะดังกล่าวมีความเหมาะสมหรือไม่ และเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ว่า หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ รับทราบเรื่องการแบ่งเงินนี้หรือไม่
ทนายแก้ว ซึ่งร่วมในรายการได้ให้ความเห็นทางกฎหมายว่า ประเด็นนี้ต้องแยกพิจารณาเป็น 2 กรณี ถ้าหลวงพ่ออลงกตไม่ทราบเรื่องการแบ่งเงิน และโชเฟอร์แท็กซี่แอบหักเงินไว้เอง ถือเป็นความผิดฐาน ยักยอกเงินวัด , ถ้าหลวงพ่ออลงกตทราบเรื่องการแบ่งเงินตั้งแต่ต้น กรณีนี้อาจเข้าข่ายการ ฉ้อโกงประชาชน และทั้งผู้ร่วมขบวนการอาจเข้าข่ายมีส่วนร่วมด้วย
ประเด็นนี้สร้างความกังวลให้กับประชาชนที่เคยบริจาคเงินผ่านช่องทางนี้ เพราะรู้สึกเหมือนถูกหลอกและเงินบริจาคไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อการกุศลตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด เรื่องนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี