ชาวบ้านชายแดน เร่งทำบังเกอร์ส่วนตัว เชื่อรอบสองหนักกว่าเดิม

ชาวบ้านชายแดน เร่งทำบังเกอร์ส่วนตัว เชื่อรอบสองหนักกว่าเดิม

วันพุธ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 08.07 น.

ชาวบ้านชายแดนหวั่นเกิดรอบสอง เร่งทำบังเกอร์ส่วนตัวไว้ข้างบ้านหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ยอมเสียเงินหลักพันหลักหมื่นเพื่อความปลอดภัยครอบครัว เชื่อรอบสองหนักกว่าเดิม ส่วนหนึ่งอยากให้ทำให้มันจบอีกส่วนหนึ่งไม่อยากให้เกิดเพราะเป็นห่วงสงสารทหาร ที่ต้องมีการสูญเสียแน่นอนจากการปะทะ ทุกคนมีพ่อมีแม่เงินถุงเป็นถังก็ทดแทนลูกไม่ได้

27 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ความไม่สงบพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสุรินทร์ หลังมีการปะทะกันอย่างหนักด้วยอาวุธปืนเล็ก-ใหญ่ ระหว่าง 24 ก.ค.-28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีการสูญเสียมีผู้บาดเจ็บล้มตายบ้านเรือนพังเสียหาย ชาวบ้านชายแดนต้องทิ้งบ้านอพยพหนีภัยไปอยู่ตามศูนย์พักพิงที่ปลอดภัยพื้นที่ห่างไกล กระสุนปืนใหญ่ของฝั่งประเทศกัมพูชา ที่ยิงเข้ามาตกลงตามสถานที่ราชการ โรงพยาบาล บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่เกษตร ไร่นา ป่ายาง บางลูกทำงานสมบูรณ์และมีอีกจำนวนหลายลูกที่ยังไม่ทำงาน ปักหัวระเบิดจมลงพื้นดินและพร้อมที่จะทำงานได้ตลอดเวลาหากมีอะไรไปกระทบ


ซึ่งตอนนี้ จนท.ยังสำรวจไม่ได้ครบทั้งหมดว่ามีเหลืออีกกี่ลูกยังไม่ทำงาน โดยชุดเก็บกู้ระเบิด(EOD)และชุด(TMAC)ต่างทำงานอย่างหนักเร่งสำรวจประเมินและทำลายอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังคงตึงเครียดตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว และจากสถานการณ์ดังกล่าว ชาวบ้านด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ที่อยู่ในพื้นที่หน้าแนวปะทะและรัศมีกระสุนปืนใหญ่ฝั่งกัมพูชาตก ต่างพากันยอมลงทุนเสียเงินหาซื้อวัสดุอุปกรณ์มาสร้างบังเกอร์หลบภัยเองส่วนตัวข้างบ้านเรือน เพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว

นายสุเทพ ครองไธสง อายุ 49 ปี ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก บอกว่า รอบที่ปะทะกันที่ผ่านมาตนและภรรยาไม่ได้อพยพไปไหน เพราะภรรยาป่วยเป็นโรคประจำตัวไปไหนลำบาก ได้ข่าวว่าจะมีการปะทะกันอีกรอบสองตนจึงไปหาซื้อท่อและขุดดินเตรียมนำท่อไปลงสร้างเป็นบังเกอร์ส่วนตัวไว้ข้างบ้าน งบประมาณ 4-5 พันบาทก็น่าจะพอเพราะอุปกรณ์อย่างอื่นตนมีอยู่บ้างแล้ว ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านต่างพากันจิตหลอนกันไปหมดแล้ว แค่ได้ยินเสียงฟ้าร้องก็สะดุ้งตกใจ เขมรเอาแน่นอนกับมันไม่ได้ เราก็ต้องกันไว้ก่อนเมื่อมันเกิดขึ้นมาเราก็อาศัยที่กำบังอยู่ใกล้ตัวไว้ก่อน

'ถ้ามันเกิดขึ้นจริงชาวบ้านรอบข้างก็สามารถมาอาศัยหลบภัยอยู่ด้วยกันได้ และหากว่ามันเกิดขึ้นอีกจริงๆตนก็อยากให้ทำให้มันจบไป ชาวบ้านจะได้สบายใจ ต่างคนต่างจะได้ทำมาหากินกันไปไม่ต้องมาหวาดระแวง ที่ผ่านมามันจบไม่เด็ดขาดบอกตรงๆชาวบ้านไม่สบายใจรู้สึกไม่ปลอดภัยทุกวินาที ตนในฐานะคนชายแดนอยากให้มันจบๆไปเลย คนในพื้นที่ก็อยากให้มันจบไปเลย ชาวบ้านพร้อมที่จะอพยพให้ความร่วมมือ เศรษฐกิจอย่าเพิ่งไปคิดเอาให้มันจบไปก่อน เรื่องเศรษฐกิจค่อยว่ากันทำให้จบ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปยังไงมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีกไม่รู้จักจบสิ้น 5 ปี 10 ปี ก็ต้องเกิดซ้ำซากแบบเดิมแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์'

และตนขอพูดอีกอย่างหนึ่ง ว่า มันจะจบได้อย่างไร ตามที่ได้ดูข่าวหลักเขตเรามีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตราบใดที่ทางไทยเรายังอ้างว่าเป็นพื้นที่ของไทยแต่ทำไม่ถึง ตนขอติติงไปทางผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง ในเมื่อมันเป็นหลักเขตของไทยอยู่แล้วแต่ล้อมรั้วไม่ถึงเขตรอเจรจา ก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นพื้นที่ของไทยจะรอเจรจาไปทำไม ในเมื่อเขมรมันไม่ยอมเจรจา กี่ครั้งแล้วทำให้มันจบไปได้แล้ว จะได้แค่ไหนจะถึงเขตหรือไม่ถึงเขตเอาให้มันสุดไปเลยถ้าไม่ทำยังไงก็ไม่จบ เราต้องเอาให้ถึงหลักเขตหรือไม่ถึงก็ทำให้มันจบ จะได้จะเสียขอให้มันรู้กันไปเลย ให้มันเด็ดขาดชาวบ้านจะได้ทำมาหากินกันได้อย่างสบายใจ ทุกวันนี้ระแวงกันไปหมดวันๆเตรียมเก็บเสื้อผ้ากันอย่างเดียว  

ด้านนางบุและนายทองพูน พินิจรัมย์ สองตา-ยาย อายุ 72 และ 74 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้หน้าแนวปะทะ ตำบลตาเมียง บอกว่า ลงทุนทำที่หลบภัยหมดไปหมื่นกว่าบาทไว้ข้างบ้านเผื่อเหตุฉุกเฉิน เพราะตาต้องอยู่ดูแลบ้านและสัตว์เลี้ยง ได้ยินข่าวว่าถ้ามีรอบสองจะรุนแรงกว่าเดิมเลยเป็นห่วงตา รอบแรกยายก็อพยพไปอยู่ในเมืองสุรินทร์ ให้ตาอยู่เฝ้าบ้าน ตอนนั้นยังไม่ได้ทำบังเกอร์ พอกลับมาก็เลยทำบังเกอร์ไว้ให้ตา ทำยังไงก็ไม่มั่นใจตามที่ดูข่าวมีแต่วางกำลังประชิดชายแดนไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกวันไหน กลัวมากตอนนี้จะไปหาหมอก็ยังไม่กล้าไปกลัวไปแล้วมีเหตุการณ์กลับมาบ้านไม่ทัน คิดแต่เรื่องนี้ทุกวันไม่ได้ทำมาหากินอะไรเลย ในฐานะคนชายแดนยายก็ไม่อยากให้มันยิงกันหรอกสงสารทหาร บ้างคนก็ขาขาดบ้างคนก็เสียชีวิต แบบนี้ใครก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น

คิดถึงว่าหัวอกลูกเขาลูกเราสูญเสียลูกไปใครจะไม่เสียใจ เงินเป็นถุงเป็นถังได้มาก็สู้ลูกเราไม่ได้ เทียบกับชีวิตคนไม่ได้หรอก ตนเป็นห่วงทหารเป็นห่วงมาก ก็ได้แต่ให้กำลังใจว่าสู้ๆ ทำยังไงก็ไม่สบายใจเหมือนเดิมเป็นห่วงทั้งทหารเป็นห่วงทั้งตัวเราด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็พร้อมที่จะอพยพ เสื้อผ้าของใช้ไม่เคยเอาออกจากกระเป๋าเตรียมพร้อมทุกนาที ไปก็ไปเช่าห้องอยู่ไม่ได้ไปอยู่ศูนย์อพยพ เพราะว่าน้องไม่สบาย ต้องไปเช่าห้องเอา บางทีก็ไปกินข้าวที่ศูนย์อพยพบ้าง ลำบากมากไปอยู่ที่ไหนมันก็สู้อยู่บ้านเราไม่ได้ แต่เราก็จำเป็นต้องไป สถานการณ์มันน่ากลัวมาก ทุกวันนี้ยายก็ติดตามดูข่าวตลอดเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา.

012

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top