เมื่อ‘ปลาหมอบัตเตอร์’โผล่กลางสวนรถไฟ
การพบปลาหมอบัตเตอร์ในสวนรถไฟใจกลางกรุงเทพฯ อาจเป็นเพียงข่าวเล็ก ๆ ในสายตาหลายคน แต่จริง ๆ แล้วมันสะท้อนปัญหาใหญ่ที่สังคมไทยต้องหันมาสนใจอย่างจริงจัง นั่นคือปัญหาการลักลอบนำเข้าสัตว์ต่างถิ่นที่ยังคาราคาซัง และไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายได้ง่าย ๆ การปรากฏตัวของปลาชนิดนี้ในพื้นที่สาธารณะกลางเมือง ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงรอยรั่วของการบังคับใช้กฎหมาย แต่กำลังบอกว่าปัญหาที่เคยคิดว่าอยู่ไกลตัว ได้ขยับเข้ามาอยู่ใกล้กว่าที่คิด
ประเทศไทยไม่ใช่ไม่มีมาตรการหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรมประมงได้ประกาศไว้ชัดเจนตั้งแต่ปี 2561 ว่าปลาหมอบัตเตอร์และสัตว์น้ำบางชนิดอยู่ในบัญชีห้ามนำเข้า ส่งออก หรือนำมาเพาะเลี้ยง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตโดยตรงจากอธิบดี นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน แต่แม้จะมีกรอบกฎหมายชัดเจน การพบปลาหมอบัตเตอร์ในหลายแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในต่างจังหวัด ตลอดจนการพบล่าสุดใน สวนรถไฟ เขตจตุจักร กรุงเทพ ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า การบังคับใช้ยังหละหลวมและไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร
ในความเป็นจริง สัตว์ต่างถิ่นเหล่านี้มักเข้ามาผ่านช่องทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นตลาดสัตว์เลี้ยง ร้านขายปลาสวยงาม หรือแม้แต่การซื้อขายออนไลน์ ปัญหาคือเมื่อเลี้ยงแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร หลายคนก็เลือกที่จะนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำสาธารณะ โดยไม่ได้ตระหนักว่าการกระทำเล็ก ๆ นั้นอาจสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศในระยะยาว ปลาหมอบัตเตอร์มีอัตราการแพร่พันธุ์สูง กินอาหารเก่ง และสามารถเบียดเบียนสัตว์น้ำท้องถิ่นจนหายไปจากพื้นที่ได้ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดกับปลาหมอคางดำที่ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วในหลายจังหวัด
สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่เพียงความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำพื้นถิ่นต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของความเสียหายจากการสูญเสียสัตว์น้ำเดิม และค่าใช้จ่ายในการจัดการสัตว์ต่างถิ่นที่หลุดเข้ามา ขณะที่สังคมในภาพรวมต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากโรคหรือเชื้อที่ติดมากับสัตว์เหล่านี้ ซึ่งบางครั้งอาจไม่เคยปรากฏในประเทศมาก่อน
หากจะมองในอีกแง่ การที่ปลาหมอบัตเตอร์โผล่มาในสวนรถไฟก็เสมือนสัญญาณเตือนชัดเจนว่า เราไม่อาจปล่อยให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเพียงตัวหนังสือบนกระดาษได้อีกต่อไป จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเข้มงวดที่ด่านนำเข้าและตลาดสัตว์เลี้ยง รวมถึงการเฝ้าระวังที่ต่อเนื่องและจริงจังมากขึ้น รัฐควรจัดทำฐานข้อมูลที่อัพเดตอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการพบสัตว์ต่างถิ่น เพื่อให้หน่วยงานและสังคมสามารถรับรู้และตอบสนองได้ทันที
ในขณะเดียวกัน ประชาชนเองก็ต้องได้รับการสร้างความรู้ความเข้าใจว่า สัตว์บางชนิดแม้จะดูน่ารักหรือน่าสนใจ แต่ก็เป็นสิ่งต้องห้าม ไม่ควรซื้อขายหรือเลี้ยงเล่นเพียงเพราะความแปลกใหม่ การรณรงค์และประชาสัมพันธ์จึงเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้ผู้คนตระหนักถึงผลเสียระยะยาวและไม่หลงคิดว่าการปล่อยสัตว์ลงแหล่งน้ำคือ “การทำบุญ”
ฝูงปลาหมอบัตเตอร์ในสวนรถไฟ กำลังบอกเราว่า ปัญหาการนำเข้าสัตว์ต่างถิ่นไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ใช่เรื่องที่ควรรอให้เกิดวิกฤตแล้วค่อยแก้ไข หากยังคงปล่อยให้ช่องโหว่ดำรงอยู่ เอเลี่ยนสปีชีส์จะยิ่งแพร่กระจายและกลายเป็นภาระที่เกินกว่าจะรับมือได้ วันหนึ่งเราอาจต้องสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไปอย่างถาวร พร้อม ๆ กับต้นทุนมหาศาลที่สังคมต้องจ่ายโดยไม่อาจเรียกคืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี