เปิดปมร้อน‘เงิน-สีกา’กระหน่ำ‘พระดัง’ ก่อน‘วัดนาป่าพง’ต้องแถลง
หลังปล่อยให้เรื่องราวอึมครึม ตกเป็นเป้าวิจารณ์ มาหลายวัน ในที่สุดวัดนาป่าพง ก็ตัดสินใจตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ ชี้แจงข้อครหา
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกกล่าวเรื่องเงินๆทองๆ แต่ครั้งนี้ดูจะหนักหนาสาหัส เพราะนอกจากมีการร้องให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบพระชื่อดังแล้ว ยังมีกระแสกระหน่ำในโซเชียลมีเดียเป็นที่ฮือฮา โดยเฉพาะคลิปที่ปลิวว่อนบ่งบอกถึงความสนิทสนมกับสีกาสาวระดับไฮโซ ส่วนเรื่องเกี่ยวกับเงินๆทองๆ
ถึงแม้จะไม่มีการเปิดชื่อออกมาโดยตรง แต่เพจเฟซบุ๊กทนายคนดังอย่างเพจ “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก” ก็ได้เปิดประเด็นฉาวกับพันกับ “พระดังเมืองปทุม” ไว้อย่างแหลมคม พร้อมโชว์หลักฐานการโอนเงินของพระวัดดังให้สีกา
เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 เพจ ”ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก” ได้เปิดประเด็น “มูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ประเทศเยอรมัน เกี่ยวกับพฤติกรรมพระดังรูปหนึ่งในไทย ยักยอกเงินวัด...? พร้อมส่งหลักฐานมาให้ตรวจสอบ เข้าข่าย ปอ.มาตรา 147 ,157!”
วันต่อมา เพจ “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก” แง้มข้อมูลออกมาอีกขยักว่า “พระวัดดังรูปดังกล่าว ที่มีพฤติกรรมยักยอกเงินวัด ฟอกเงิน วัดอยู่ใกล้กรุงเทพ เป็นอาจารย์ของฆราวาสสอนธรรมคนดังคนหนึ่ง ไม่แพ้พระอลงกต ลองเดากันดูนะ....?”
ค่ำวันเดียวกัน คราวนี้ เพจ ”ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก” เปิดเผยข้อมูลลึกขึ้น ลงรายละเอียดการโอนเงินของวัดให้สีกา 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 12,200,000 บาท
“พระวัดดังในจังหวัดปทุมธานี ยักยอกเงินวัด ฟอกเงิน ?
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2568 มูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้รับหนังสือร้องเรียนจากสีกาท่านหนึ่งที่พำนักอยู่ที่ประเทศเยอรมัน ร้องเรียนว่า พระดังรูปหนึ่งระดับเจ้าอาวาส ในจังหวัดปทุมธานี มีพฤติกรรมยักยอกเงินวัด ฟอกเงิน จึงได้ส่งหลักฐานมาให้ตรวจสอบ ?
มูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้ตรวจสอบแล้ว น่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง กล่าวคือ มีการโอนเงินของวัดไปให้สีกาคนดังกล่าวที่ธนาคารกรุงไทย ในประเทศไทย จำนวน 4 ครั้ง
1.ครั้งที่ 1 จำนวน 6,000,000 บาท
2.ครั้งที่ 2 จำนวน 2,700,000 บาท
3.ครั้งที่ 3 จำนวน 2,000,000 บาท
4.ครั้งที่ 4 จำนวน 1,500,000 บาท
รวมเป็นเงิน 12,200,000 บาท
หลังจากนั้น สีกาคนดังกล่าวซึ่งอยู่ที่ประเทศเยอรมัน มีการโอนเงินจากธนาคารกรุงไทย ในประเทศไทย ไปยังธนาคารในประเทศเยอรมัน จำนวน 27 ครั้ง และโอนเงินในประเทศเยอรมัน อีก 2 ครั้ง เป็น 29 ครั้ง แล้วมีการโอนเงินเข้าบัญชีองค์กรของพระรูปดังกล่าวที่เปิดไว้ในประเทศเยอรมัน หลังจากนั้นกลุ่มพระร่วมกันบีบบังคับกดดันให้สีกาคนดังกล่าวโอนเงินจากองค์กรเข้าบัญชีส่วนตัวของพระที่เปิดในประเทศเยอรมนี
พฤติกรรมดังกล่าวของพระดังเป็นการใช้องค์กรในประเทศเยอรมันเป็นศูนย์กลางฟอกเงินที่ยักยอกมาจากวัด.....จนเธอเองถูกทางการประเทศเยอรมันกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฟอกเงินร่วมกับพระดังรูปนี้
ภายหลังสีกาคนดังกล่าวเริ่มระแคะระคายไม่ต้องการทำงานให้กับพระรูปดังกล่าวอีก จึงทำให้พระรูปดังโกรธจึงฟ้องร้องเธอทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาที่ประเทศเยอรมันด้วย ซึ่งตัวเธอเองก็ถูกหลอกใช้ทำงานให้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังพบพยานหลักฐานการที่พระรูปดัง ได้รับเงินบริจาคจากทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ไม่ได้นำเข้าบัญชีวัดเป็นจำนวนมากอีกด้วย อีกทั้งทราบว่า พระรูปดังยังมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับสีกาท่านหนึ่งอย่างออกหน้าออกตา
พฤติการณ์ดังกล่าว น่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ตาม ปอ.มาตรา 147, 157 และเข้ามูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน อีกด้วย
เรื่องนี้ ทราบว่า ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิดและผู้ร่วมกระบวนการไปยัง บก.ปปป. , ป.ป.ช. , ปปง. แล้ว
เมื่อเรื่องมาถึงมูลนิธิทนายกองทัพธรรมแล้ว เงียบไม่ได้นะครับ !
มูลนิธิทนายกองทัพธรรม “ ธำรง ไม่ทำลาย พระพุทธศาสนา”
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช (ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม)”
ตามด้วยเปิดหลักฐานการโอนเงินของพระวัดดังให้สีกา ในวันรุ่งขึ้น แถมคำขู่สำทับ “พระดังแถวปทุมธานี
ถ้านิ่งไม่ยอมเผยตัวออกมา
มูลนิธิทนายกองทัพธรรม
จะเปิดพยานหลักฐานการโอนเงินอีก 1 ชุดใหญ่ไฟกระพริบ” พร้อมทิ้งปริศนาอีกชุด “จริงไหม ?
ที่ประเทศเยอรมัน พระดังเมืองปทุม ฟ้องคดีแพ่งสีกา เรียกเงินบริจาค เงินเดือน ค่าทำงานต่างๆ ค่าอาหารแมว จำนวน 13,315,093.60 บาท ?”
นอกจากเรื่องเงินๆทอง “พระวัดดังปทุม” ยังโดนกระหน่ำด้วยพฤติกรรมใกล้ชิดสีกา จนผิดสังเกต มีคลิปว่อนทั่วโซเชียล และก่อนวัดที่วัดนาป่าพง จะตั้งโต๊ะแถลงเพียงวันเดียว “ครูนัท” ดร.ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ” อินฟลูด้านพุทธศาสนาชื่อดังก็โดนออกมาเปิดเรื่องราวเป็นนิทานจนเป็นที่ฮือฮา
“วันนี้มีพระมาเล่านิทานให้ครูนัทฟังแต่เช้า ครูนัทเล่าต่อนะ
มีครอบครัวหนึ่งพื้นเพเป็นคนชัยนาท พ่อเป็นนักการเมืองมีชื่อ ต่อมาครอบครัวล้มละลาย ทั้งพ่อและแม่ล้มละลาย ครอบครัวมาอาศัยบ้านเช่า อยู่ย่านวิภาวดีฯใกล้ (นสพ ฉบับดังฉบับหนึ่ง) ครอบครัวมีลูกสาวสวย (สาวใหญ่) อาชีพทำแซนวิชขายตามสะพานลอย อยู่มาวันหนึ่ง มีคนแนะนำนางไปฟังธรรมปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งหนึ่ง แถวปทุมธานี วัดนี้คนศรัทธามาก เจ้าอาวาสสอนดีเอาแต่คำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอน ตัดอรรถกถา คำพระสาวกออกหมด
อานิสงส์แห่งการเล่าเรียนธรรม ตั้งแต่นั้นนางก็ไม่มาขายแซนวิชที่สะพานลอยอีกเลย ใช้เวลาไม่นานนัก นางก็ย้ายครอบครัวไปอยู่ย่านธัญบุรี ต่อมาพ่อแม่นางยกนางให้เป็นลูกคนเล็กของพ่อแม่เจ้าอาวาส นางจึงเป็นน้องสาวบุญธรรมของเจ้าอาวาส
ซื้อบ้านราคา 11 ล้าน, เป็นเจ้าของรถ BMW SUV ราคา 9 ล้าน, Benz SUV ราคา 14 ล้าน, มีแบรนด์เนม ใช้,ใส่เครื่องประดับเพชร/ทอง,ใส่เสื้อผ้าแบรนเนมเกรด A , เปิดบริษัทให้เช่ารถยนต์, เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง, และเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศกับเจ้าอาวาสบ่อยครั้ง, เวลามีงานพิธีในวัด นางจะนั่งเก้าอี้หลุยส์ด้านหน้าทุกงาน ก็มีคำถามมาว่า ครอบครัวนางไม่มีใครทำงานอะไร แต่นางรวยระดับเศรษฐีได้อย่างไร เอาเงินจากไหนมา (นิทานนะ อย่าคิดเยอะ) นางคงจะทำทานไว้แต่ชาติปางก่อนนางกำลังกินบุญเก่าอยู่นะ
จบนิทาน ที่ครูนัทไม่ได้เล่าเอง
คำใบ้วัดดังแถวปทุม คิดกันเองเอง”
มาถึงจุดนี้ กรณี “พระดังเมืองปทุม” ไม่ใช่เรื่องซุบซิบกันในโซเชียลอีกต่อไป เมื่อ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตำรวจสอบสวนกลางได้รับข้อมูลร้องเรียนและอยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยเฉพาะปมเงินบริจาค เงินวัด รวมถึงพระอาจารย์พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ที่ถูกกล่าวหามีเรื่องสีกาเข้ามาเกี่ยวข้องโดยการตรวจสอบ ตำรวจพบบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว 9 คน ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งประสานมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
นี่คือเรื่องราวปมร้อนที่กระหน่ำ กระทั่ง “วัดนาป่าพง” ต้องเปิดแถลงในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี