แม่ค้าร้านชำชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ สุดช้ำเพิ่งเปิดร้านได้แค่ 3 วัน โดนแก๊งมิจฉาชีพอ้างเป็นเซลส์หลอกขายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่อาศัยช่วงที่สามีไม่อยู่ใช้กลอุบายพูดให้สับสนและลูกค้ามาซื้อของ ทำให้ไม่ได้ดูบิลหรือสินค้าอย่างละเอียด หลงเชื่อจ่ายเงินตรวจสอนสินค้าภายหลังพบไม่ตรงตามที่อ้างสูญเงินเกือบ 2 หมื่น เตรียมนำหลักฐานแจ้งความติดตามตัวดำเนินคดี เชื่อมีคนตกเป็นเหยื่อหลายร้าน
2 ตุลาคม 2568 แก๊งมิจฉาชีพเป็นชาย 3 คนอ้างตัวเป็นเซลส์ ขับรถยนต์ตระเวนหลอกขายสินค้าราคาถูกตามหมู่บ้าน ตำบล แต่ไม่ได้สินค้าจริง กลับมาระบาดอีก ล่าสุด น.ส.นารีรัตน์ ทองเสาร์ อายุ 35 ปี ชาว ตำบลหนองบอน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเพิ่งเปิดร้านขายของชำได้แค่ 3 วัน ก็ถูกหลอกให้ลงสินค้าสูญเงินไป 15,900 บาท แต่ไม่ได้สินค้าตามที่กล่าวอ้างจริง และเชื่อว่ามีหลายร้านที่ตกเป็นเหยื่อ จึงได้ออกมาเตือนภัย
โดย น.ส.นารีรัตน์ เล่าว่า เมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย.68 ที่ผ่านมา ได้มีแก๊งมิจฉาชีพเป็นผู้ชาย 3 คน รูปพรรณและการพูดลักษณะเหมือนคนภาคกลาง อ้างว่าเป็นเซลส์มาเสนอขายสินค้า และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่าจะได้ราคาถูกกว่าร้านค้าส่งในท้องตลาดทั่วไป โดยใช้กลอุบายต้องเปิดบิลซื้อสินค้าประเภทอื่นก่อน 30,000 บาท ถึงจะได้ซื้อแอลกอฮอล์ในราคาถูกและจะได้ตู้แช่ฟรี และชั้นวางด้วย แต่ตนขอต่อรองเปิดบิลสัก 2 – 3,000 บาทก่อน เพราะได้ซื้อสินค้ามาลงในร้านเยอะแล้ว แต่แก๊งดังกล่าวก็พูดตะล่อมหลอกล่อว่าถ้าเปิดบิลตามยอด ถึงจะได้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในราคาถูก และมีแถมฟรีด้วย ถ้าไม่เปิดถึง 30,000 ก็เปิดสัก 15,000 บาทก็ได้ อ้างว่าถ้าเปิดบิลจำนวนนี้ถึงจะได้ตู้แช่เครื่องดื่ม ไอศรีม รถเข็น และชั้นวางสินค้าฟรี
ทั้งยังหลอกอีกว่าถ้าเปิดบิลเป็นสมาชิกแล้ว ต่อไปจะมาตระเวนส่งสินค้าทุกวันที่ 10 , 20 และวันที่ 30 ของทุกเดือนให้กับร้านที่สั่ง จึงหลงเชื่อเปิดบิลตามที่เขาหลอกล่อ 15,900 บาท จากนั้นเขาก็ลงสินค้าให้ แต่ด้วยความชะล่าใจไม่ได้ดูสินค้าว่าเขาได้ลงให้ตามจำนวนหรือราคาที่เขียนบิลให้จริงหรือไม่ ประกอบกับเขาให้อีกคนลงของอีก 2 คนพูดหลอกล่อให้สับสน ทำให้เสียเงินไป 15,900 บาท แต่ได้สินค้าจริงประมาณ 3 – 4 ,000 บาทเท่านั้น อีกทั้งตอนที่เขามาหลอกสามีก็ออกไปข้างนอก มีแค่แม่ซึ่งอายุมาก จึงหลงกลอุบายเขาก็คาดว่าน่าจะมีร้านค้าที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อหลายร้าน ก็จะได้รวบรวมหลักฐานไปแจ้งความให้ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดีจะได้ไปก่อเหตุหลอกลวงร้านอื่นอีก และน่าจะตระเวนดูลาดเลาก่อนว่าร้านไหนไม่มีวงจรปิด ก็จะเลือกก่อเหตุร้านนั้น ซึ่งร้านของตนเองเพิ่งเปิดใหม่จึงยังไม่ได้ติดกล้องวงจรปิด
ด้านนางคอย โคประโคน อายุ 70 ปี ผู้เป็นแม่ บอกว่า วันเกิดเหตุแฟนลูกสาวไม่ได้อยู่ มีแค่ลูกสาวตนเองและลูกค้าที่มาซื้อของ แก๊งมิจฉาชีพที่มาหลอกขายสินค้า เขาก็พูดหลอกล่อสารพัดพูดไม่หยุด เหมือนจะทำให้สับสน แล้วตอนแรกที่มาก็จอดรถไกลจากร้าน แต่พอลงมาดูว่าในร้านไม่มีกล้องวงจรปิดจึงขับรถจอดหน้าร้าน ก็สงสารที่ลูกถูกหลอกเสียเงินไปเป็นหมื่นทั้งที่เพิ่งเปิดร้านได้ไม่กี่วัน ก็ขอให้กลุ่มคนดังกล่าวที่หากินไม่ซื่อสัตย์ได้รับผลกรรมอย่างสาสม.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี