รองผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ณ นครเจนีวา โต้กลับเขมร ฉวยโอกาสโจมตีไทย กลางเวทีพหุภาคี

รองผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็น ณ นครเจนีวา โต้กลับเขมร ฉวยโอกาสโจมตีไทย กลางเวทีพหุภาคี

วันเสาร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.09 น.

11 ต.ค. 68 เพจเฟซบุ๊ก Bangkok I Love You ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า "เสียงแห่งศักดิ์ศรีไทยดังไกลถึงเจนีวา คุณปรารถนา จากไทยฟาดเขมรบนเวที UNHCR แหลก กระทรวงการต่างประเทศแสดงบทบาทเข้มแข็ง ปกป้องอธิปไตยชาติอย่างมั่นคง ในเวทีระหว่างประเทศที่นครเจนีวา ประเทศไทยแสดงให้โลกเห็นอีกครั้งว่า “เราไม่ใช่ชาติที่ยอมให้ใครดูหมิ่นได้ง่าย ๆ”

ในการประชุม ExCom (Executive Committee of the High Commissioner’s Programme) ซึ่งเป็นเวทีระดับสูงว่าด้วยการกำหนดนโยบายและงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยทั่วโลก โดยเนื้อหานั้นไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรงแต่อย่างใด แต่กลับปรากฏว่า นายดารา อิน ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ นคร เจนีวา ได้กล่าวโจมตีประเทศไทยด้วยถ้อยคำบิดเบือนต่อหน้าผู้แทนจากทั่วโลก


ทว่าคราวนี้...ไทยไม่ได้นิ่งเฉยอีกต่อไป
ตัวแทนประเทศไทยคุณปรารถนา ดิษยทัต รองหัวหน้าคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาติ ณ นครเจนีวา ได้ลุกขึ้นตอบโต้ทันที ด้วยถ้อยแถลงที่เฉียบขาด สุภาพ แต่หนักแน่นในหลักการ เป็น “เสียงแห่งศักดิ์ศรี” ที่ทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบกริบ

คำตอบของไทย: สุภาพแต่เฉียบขาด

คุณปรารถนาเปิดคำกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบแต่ทรงพลังว่า “เวทีพหุภาคีเช่นนี้ ไม่ควรถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง”
พร้อมยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “หมู่บ้านที่กัมพูชาอ้างถึง ตั้งอยู่ในดินแดนของไทยโดยชอบธรรม และเกิดจากการที่ไทยเปิดพรมแดนในช่วงสงครามกลางเมือง เพื่อให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนเข้ามาพักพิงด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม”

ประเทศไทย ที่เคยอ้าแขนรับเพื่อนบ้านในยามยาก กลับถูกตอบแทนด้วยการกล่าวหา และการรุกล้ำซ้ำซาก คุณปรารถนาชี้อย่างชัดเจนว่า กองทัพกัมพูชาได้ “ยุยงปลุกปั่น” ให้ประชาชนของตน รวมถึงเด็ก สตรี และพระภิกษุ เข้ามาในพื้นที่ชายแดน เพื่อสร้างความตึงเครียด ซึ่งเป็น การละเมิดอธิปไตยไทยอย่างร้ายแรง

“การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงละเมิดข้อตกลงทวิภาคี แต่ยังขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศ และหลักมนุษยธรรมที่กัมพูชาเองเป็นภาคีอยู่” ยืนยันมาตรฐานสากลในการดูแลเชลยศึก
ในประเด็น “เชลยศึก 18 นาย” คุณปรารถนาได้ย้ำว่า “บุคคลเหล่านี้ถูกจับได้ระหว่างการสู้รบที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน และประเทศไทยได้ดูแลพวกเขาอย่างปลอดภัยตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ” 

โดยมี คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้าตรวจเยี่ยมเป็นประจำ และอำนวยความสะดวกให้ติดต่อครอบครัวได้ครบถ้วน การควบคุมตัวนั้นเป็นเพียงมาตรการป้องกันไม่ให้กลับไปร่วมรบอีก และจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อสถานการณ์สงบ

“ในทางกลับกัน กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง และพยายามโยนปัญหาภายในของตนให้กลายเป็นประเด็นระหว่างประเทศ” ไทยวันนี้...ไม่ใช่ไทยเมื่อวาน

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนชัดเจนว่า นโยบายการต่างประเทศของไทยในปัจจุบัน เข้มแข็ง มั่นคง และมีท่าทีปกป้องอธิปไตยอย่างชัดเจน ไม่มีการอ่อนข้อ ไม่มีการปล่อยผ่าน
ไม่มีการยอมให้ใครกล่าวหาประเทศไทยโดยปราศจากข้อเท็จจริง คนไทยทุกคนจึงสามารถมั่นใจได้ว่า “ประเทศไทยในวันนี้ มีเสียงที่ดัง ชัด และทรงเกียรติบนเวทีโลก” 

 

,

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top