วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
5 พฤศจิกายน 2568 สืบเนื่องนายแพทย์ อลงกต มณีกาศ สส.นครพนมเขต 3 พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความว่า “#มาช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงที่เพียงอายุ 16 ปี แต่น้ำหนักตัว 180 กิโล ขาไม่มีแรง ไม่สามารถเดินได้มา 3 เดือนแล้ว พร้อมกับมอบแพมเพิสและเงินช่วยเหลือ ที่บ้านหนองกุดแคน หมู่ 8 ต.พระกลางทุ่ง.เย็นนี้ครับ #พูดแล้วต้องทำรับปากแล้วต้องได้ #ใส่ใจในทุกมิติที่ประชาชนเดือดร้อน”

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 7 หมู่ 8 บ้านหนองกุดแคน ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม โดยการนำพาของนายณรงค์ ศิริวงษ์ อายุ 61 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านหนองกุดแคน ได้พบกับนางดวงดาว ถาวร อายุ 52 ปี แม่ของเด็กหนุ่มวัย 16 ปีที่ป่วย กำลังทำความสะอาดบ้าน หลังจากได้ทำกิจวัตรประจำวันให้กับลูกชายคือ นายแสงตะวัน วันทา หรือน้องลูกชิ้น ที่นอนๆนั่งๆอยู่บนฟูกที่ปูทับด้วยผ้าพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง

โดยนางดวงดาวเล่าว่าในทุกเช้า ต้องเตรียมกาละมังใส่น้ำ พร้อมแปรงสีฟันให้ลูกชาย ล้างหน้าแปรงฟันบ้วนปาก จากนั้นก็จะใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กเช็ดตามตัว แต่ไม่มีแป้งทาเพราะไม่มีเงินซื้อ แล้วก็กายภาพบำบัดตามแพทย์สั่ง เช่น ยกแขน-ขาข้างละ 100 ครั้งวันละ 3 เวลา และหาอาหารให้ลูกกิน ยอมรับว่าหลังสามีเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อนลำบากสุดๆ เพราะขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว ก่อนหน้าที่น้องลูกชิ้นจะป่วยด้วยโรคอ้วน ตนยังไปรับจ้างทำความสะอาดบ้าน หรือล้างชามร้านอาหาร ค่าแรงวันละ 200-300 บาท ก็ยังพอได้มาใช้จ่ายในบ้าน

นางดวงดาวเล่าต่อว่าครอบครัวทางฝั่งสามี แต่ละคนล้วนมีน้ำหนักเยอะกันทุกคน อย่างพี่สาวสามีก็หนักถึง 100 กิโลกรัม ส่วนสามีก็ใช่ย่อยหนัก 80 กิโลกรัม สำหรับน้องลูกชิ้นน่าจะเป็นกรรมพันธุ์ คลอดออกมาก็เป็นเด็กเจ้าเนื้อมาตั้งแต่เกิด พอมีอายุเพิ่มขึ้นน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นตามอายุ แม้แต่เสื้อผ้านักเรียนยังต้องสั่งตัดโดยเฉพาะ เพราะไม่มีไซส์ใหญ่เท่าตัวเขา โดยเรียนอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนดงดาวแจ้งพัฒนาศึกษา บ้านนาขาม ต.เรณูใต้ อ.เรณูนคร จ.นครพนม สาเหตุที่น้องต้องไปเรียนข้ามอำเภอ เพราะทางโรงเรียนสงสารที่มีฐานะยากจน จึงช่วยแบ่งเบาค่ารถโดยสารรับส่ง ปกติเดือนละ 500 บาท จ่ายคนละ 250 บาท ปัจจุบันน้องได้ออกกลางคัน เพราะไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ทางคุณครูก็แวะมาเยี่ยมถามข่าวคราวอยู่เนืองๆ
“สิ่งที่ต้องการมากที่สุดไม่ใช้เงินทอง อยากให้ลูกกลับมาเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป ลุกเดินไปไหนมาไหนได้เท่านั้น หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตาสงสารขอให้ช่วยเหลือน้องด้วย”

เมื่อสังเกตภายในบ้าน มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียง 3 อย่าง คือ พัดลม 1 ตัว หม้อหุงข้าว และกระทะไฟฟ้า ก่อนหน้าลูกชายกินข้าวเหนียวครั้งละ 1 กิโลกรัม หรือหนึ่งกระติ๊บ พอล้มป่วยก็หันมากินข้าวเจ้าครั้งละ 1 ชามใหญ่ บางวันไม่มีเงินซื้อข้าว เพราะบ้านไม่มีที่นาที่ไร่ ก็ต้องไปขอข้าวจากญาติพี่น้องมาหุงกิน

ด้านน้องลูกชิ้นเล่าว่า ตอนอยู่ชั้น ป.3 มีน้ำหนัก 120 กิโลกรัม แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆยอมรับว่ากินจุกินเยอะ จนถึงชั้น ม.3 น้ำหนักพุ่งพรวดถึง 250 กิโลกรัม แล้วก็เริ่มเดินลำบาก ขารับน้ำหนักไม่ไหวก็ล้มจนลุกเดินไม่ได้ น้ำหนักก็ลดลงมาเหลือ 183 กิโลกรัมในปัจจุบัน สงสารแม่เพราะต้องคอยมาทำความสะอาดในเวลาขับถ่าย แพมเพิสแม้จะเป็นไซส์ใหญ่สุดก็ห่อหุ้มไม่ได้ แม่ต้องคลี่แพมเพิสกางออกวางบนพื้น ตนก็จะยกก้นทับแพมเพิสแล้วถ่ายออกมา เสร็จแล้วแม่จะทำความสะอาดเก็บใส่ถุงมัดอย่างดี

“ตอนที่อยู่โรงพยาบาลนครพนม เจ้าหน้าที่เอาเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ไม่ได้ เพราะเตียงรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 100 กิโลกรัม หรือจะเอาเข้าเครื่องแสกนตรวจหาสาเหตุก็เข้าไม่ได้อีก หมอจึงใช้วิธีช็อตเส้นประสาท วิเคราะห์ผลว่าเส้นประสาทขาตาย ให้กายภาพบำบัดทุกวัน”

ส่วน นายณรงค์ ศิริวงษ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหนองกุดแคน มีศักดิ์เป็นคุณตาได้เปิดเผยว่า หน่วยงานต่างๆเช่น กาชาดฯ พัฒนาสังคมฯ (พม.ฯ) ปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้ง รพ.สต.โคกสว่าง ต.ธาตุพนมเหนือ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ก็เอาแพมเพิสเข้ามาช่วยเหลือ ล่าสุดก็คุณหมออลงกต มณีกาศ สส.นครพนมเขต 3 พรรคภูมิใจไทย นำแพมเพิสและเงินสำหรับไว้ซื้อกับข้าวให้น้องลูกชิ้น ปกติทางญาติก็ช่วยเหลือกันตามอัตภาพ สงสารครอบครัวเขาอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูก หลังสามีเสียชีวิตก็ต้องหยุดงานมาดูแลลูก จึงไม่มีรายได้แม้แต่บาทเดียว.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี