วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
น้องลูกชิ้นเด็กอ้วน 183 กก. เข้าคอร์สลดน้ำหนักที่ รพ. ปฏิญาณไม่ลดไม่กลับบ้าน กศน.ร่วมสานฝันเพราะอยากเป็นครู
10 พฤศจิกายน 2568 มีความคืบหน้า โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา หลังจากนายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนม นายแพทย์สมชาย ชมภูคำ สาธารณสุขจังหวัดนครพนม (สสจ.ฯ) นายแพทย์อภิวัฒน์ บัณฑิตย์ชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม (ผอ.รพ.นครพนม) นางอุไรพร ชมภูคำ ประธานแม่บ้านสาธารณสุข สาขาจังหวัดนครพนม และ องค์การบริหารส่วนตำบลพระกลางทุ่ง (อบต.ฯ) อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
ข่าวเพิ่มเติม : เยี่ยม'น้องลูกชิ้น' เด็ก16ปีหนัก180 กก. แม่สุดปลื้มลูกชายจะกลับมาเดินได้

นำทีมอายุรแพทย์ นักโภชนาการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กลุ่มงานส่งเสริมสุขภาพ บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุขในพื้นที่ เยี่ยมอาการน้องลูกชิ้น-นายแสงตะวัน วันทา อายุ 16 ปี ณ บ้านเลขที่ 7 หมู่ 8 บ้านหนองกุดแคน ต.พระกลางทุ่ง นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนดงดาวแจ้งพัฒนาศึกษา ต.เรณูใต้ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 183 กิโลกรัม ลักษณะขาไม่มีแรง ไม่สามารถเดินได้เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว จึงต้องหยุดพักการเรียน โดยมีนางดวงดาว ถาวร อายุ 52 ปี แม่เลี้ยงเดี่ยวคอยดูแลลูกชายอย่างใกล้ชิด ทำให้ขาดรายได้จุนเจือครอบครัว แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำลูกชายไปรักษา เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเท่านั้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุดวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. รถแอมบูแลนซ์ (Ambulance) โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ได้เข้ามารับตัวน้องลูกชิ้น เพื่อนำไปเข้าคอร์สดูแลรักษาตามที่นักโภชนาการแนะนำ เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน แต่ปรากฏว่าเตียงเปลเหล็กรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 100 กิโลกรัม จึงต้องเรียกรถกระบะกู้ชีพ อบต.พระกลางทุ่งใช้เปลสนามหามใส่ท้ายรถอย่างทุลักทุเล

โดยก่อนหน้าที่รถมารับ ทีมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้เข้ามาดูความพร้อม ซึ่งน้องลูกชิ้นไม่มีท่าทีกังวลใดๆ บอกว่าการไปเข้าคอร์สลดน้ำหนักครั้งนี้มีความแน่วแน่ ปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าถ้าน้ำหนักไม่ลดจะไม่กลับบ้าน เบื้องต้นขอลดลงมาเหลือสัก 150 กิโลกรัมก่อน จากนั้นก็ค่อยๆลดไปเรื่อยๆ เพราะหลังจากคณะสาธารณสุขจังหวัดนครพนม (สสจ.ฯ) มาเยี่ยมพร้อมแนะนำการควบคุมน้ำหนัก ด้วยการลดปริมาณอาหารลง ก็เริ่มปฏิบัติแต่วันนั้นโดยลดการกินข้าวจากมื้อละ 1 กิโลกรัม ลดมาเหลือมื้อละครึ่งกิโลกรัม แค่ 3 วันแข้งขาก็ขยับได้คล่องกว่าเดิมแล้ว

ทางด้าน นางสาวพรปวีณ์ พรหมอารักษ์ พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ รพ.สต.บ้านโคกสว่างพัฒนา ต.ธาตุพนมเหนือ เปิดเผยว่าน้องลูกชิ้นอยู่ในความดูแลด้านสาธารณสุขของ รพ.สต.โคกสว่างพัฒนา จึงมีประวัติการรักษาน้องมาตั้งแต่ต้น และน้องถือเป็นผู้ป่วย 1 ใน 7 โรค (1.โรคหัวใจและหลอดเลือด 2.โรคไตวายเรื้อรัง 3.โรคหลอดเลือดสมอง 4.โรคอ้วน 5.โรคมะเร็ง 6.โรคเบาหวาน 7.โรคความดันโลหิตสูง) ที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ก่อนหน้าน้องเคยมีน้ำหนักตัวถึง 250 กิโลกรัมก็ยังเดินได้ แต่หลังจากไปพบแพทย์เฉพาะทางที่ รพ.นครพนม แพทย์ไม่ให้น้องพยุงตัวโดยใช้วอคเกอร์อุปกรณ์ช่วยเดิน เพราะอาจจะทำให้กระดูกขาหักได้ การเข้าคอร์สไปรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะทำให้น้องสามารถลดน้ำหนักและกลับมาเดินได้แน่นอน

ขณะเดียวกัน ได้มีเจ้าหน้าที่ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน. ซึ่งในปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) โดยนางสาวปภัช เหลื่อมใส ครูผู้ช่วย สกร.อ.ธาตุพนม สำนักงาน สกร.จ.นครพนม มาพบนางดวงดาวเพื่อสานฝันให้กับน้องลูกชิ้น เนื่องจากน้องบอกกับนายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนม ว่า อยากเป็นคุณครู จึงมาให้ฝันน้องเป็นจริง ด้วยการให้เรียน สกร.จนจบระดับมัธยม 6 โดยไม่ต้องไปเรียนที่ศูนย์ เพราะน้องไปไหนมาไหนลำบาก แต่จะมีครูแวะมาให้การบ้าน รวมถึงการสอบเลื่อนชั้น ต่อจากนั้นก็ไปสู่ระดับมหาวิทยาลัย ถึงเวลานั้นก็จะมีหน่วยงานอุดมศึกษาเข้ามาพบน้อง

ทั้งนี้ การดูแลน้องลูกชิ้นที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชธาตุพนม นักโภชนาการจะควบคุมอาหาร ควบคู่กับทำกายภาพบำบัด ซึ่งหลังจากที่น้องถึงโรงพยาบาล ขั้นตอนแรกแพทย์นำไปชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่าเพียงแค่ 3 วันหลังจากสาธารณสุขจังหวัดนครพนม แนะนำให้ลดปริมาณอาหาร น้องลูกชิ้นมีน้ำหนักลดลง 7 กิโลกรัม จากเดิม 183 กิโลกรัม ตอนนี้ 176 กิโลกรัม ถือเป็นสัญญาณที่ดี.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี