'หมอสมอง'ไขเบื้องหลัง'คอนเทนต์ขยะ' แนะหยุดคอมเมนต์ด่า เหตุเข้าทางเจ้าของคลิป

'หมอสมอง'ไขเบื้องหลัง'คอนเทนต์ขยะ' แนะหยุดคอมเมนต์ด่า เหตุเข้าทางเจ้าของคลิป

วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 18.46 น.

'หมอสมอง'ไขเบื้องหลัง'คอนเทนต์ขยะ' แนะหยุดคอมเมนต์ด่า เหตุเข้าทางเจ้าของคลิป

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2568 ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์" ระบุว่า "content ขยะ สร้างสมองขยะ อย่าไปด่า เค้าเลย ขอร้อง เพราะมันยิ่งสร้างสิ่งที่ตัว creator ต้องการ นั่นคือ เสียงก่นด่า -> ได้กระแส -> ขอโทษ -> แล้วก็ทำซ้ำ เป็น pattern (ปล. ภาพประกอบนี้ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างไร แมวมันก๊อปมาวาง)


แม้ จะมีคนด่า แต่ มี คนเอาตาม เฮ้ย ทำแบบนี้ ก็ได้นี่หว่า ไม่ต้องจรรโลงสังคม ไม่ต้องใช้ความรู้ เอาแบบง่ายๆ นี่แหละ สังคมเราจะเจริญเหรอ เยาวชนเข้าถึงง่าย น่าจะตกต่ำ ฮวบๆ (เวรกรรม กระทรวงศึกษา กระทรวงวัฒนธรรม หมดเงินรณรงค์เป็นร้อยล้าน จบแบบนี้)

มีเหตุผลหลายชั้นที่ทำให้ creator บางคน “ตั้งใจทำคอนเทนต์ที่มีประเด็น” หรือ ดราม่าได้ง่าย ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น — ตลกกากแบบเป็น pattern เดิม ๆ แต่เป็น “กลไกทางจิตวิทยา + เศรษฐศาสตร์แพลตฟอร์ม” ที่ผลักให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้

ยุคที่ อัลกอริทัม พฤติกรรมการเสพ hook สมอง เจริญลง ฮวบๆ

1) อัลกอริทึมชอบสิ่งที่คนโต้เถียง = เข้าถึงเยอะกว่าปกติ
แพลตฟอร์มอย่าง TikTok, IG, Facebook ให้คะแนนสูงกับคอนเทนต์ที่ คนหยุดดูคนโต้ตอบ
คนแชร์ไปด่า
เพราะ “การมีส่วนร่วมเชิงลบ = negative engagement”
ดังนั้น creator บางคนรู้ว่า ถ้าทำให้คนโกรธ → คนจะคอมเมนต์ → คลิปพุ่ง
นี่คือ “เศรษฐศาสตร์ของความโกรธ (Economics of Outrage)”
แล้วมันจะลบคลิปทำไม คิดว่าสลด ไม่เลย ด่ามา pattern นี้ หนูจำได้

2) ความดังเร็วกว่าด้วย “พฤติกรรมเสียงดัง”
มนุษย์โบราณตอบสนองกับสิ่งที่ผิดปกติรุนแรงได้เร็วกว่า
ดังนั้นพอเห็นคนทำอะไร “แปลก ๆ แรง ๆ อุกอาจ” สมองส่วนดั้งเดิม (amygdala) ตื่นตัวทันที
creator บางคนจึงใช้จุดนี้ เช่น ทำอะไรเกินจริง
ทำพฤติกรรมที่ดูเสี่ยง ทำอะไรที่เหมือนท้าทายสังคม
เพื่อให้คนหันมามองก่อน แล้วค่อยขายอย่างอื่นทีหลัง

3) คอนเทนต์ที่มีประเด็น = สร้างอัตลักษณ์ได้เร็ว
บางคนอยากสร้าง “ตัวตน” ในตลาด creator ที่แน่นมาก
การใช้ภาพลักษณ์แบบ “ขบถต่อสังคม” ทำให้พวกเขาโดดเด่น
เช่น ยืนบนรถ แสดงกิริยาโอเวอร์ ทำอะไรที่คนทั่วไปไม่ทำ แม้จะกากเท่าไหร่ ก็ตาม ยิ่งกาก คนยิ่งดู
เป็นการประกาศว่า “ฉันไม่เหมือนใคร” คือ platform และสังคมชอบแบบนี้ outstanding from noise ออกยืนกลาง content ที่มากมาย ขายได้ ไม่สนสังคม

4) ความกดดันทางรายได้ทำให้บางคนต้องเล่นใหญ่
creator ใหม่จำนวนมากต้องโตเร็วเพื่อให้มีรายได้
จึงเลือกเส้นทางที่ โตง่ายที่สุด แม้มันจะเป็นทางที่เสี่ยง แต่เอาวะ เดี๋ยวคนก็ลืม
พูดง่าย ๆ
“คอนเทนต์ดี ๆ สร้างยาก แต่ว่าดราม่าสร้างง่ายกว่า”

5) คนดูบางกลุ่มติด “ดราม่าโดปามีน”
พอคนเสพคอนเทนต์แรงบ่อย ๆ สมองจะเสพติดความรู้สึกตื่นเต้นแบบนั้น
เหมือนกินฟาสต์ฟู้ดทุกวัน: ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่กินง่าย อร่อยเร็ว
creator ก็รู้
เลยผลิต “ฟาสต์ฟู้ดทางสมอง” ออกมาตรงรสนิยมของผู้ชมบางกลุ่ม เอ่อ นี่ อจ อุตส่าห์ ทำ content ถอน โดปามีน ให้อยู่กันแบบ สาระ สาระ แทบตาย เจอทั้งกินเค้ก เจอทั้งปีนไปเต้น จะบ้าตาย

6) วัฒนธรรมออนไลน์เอื้อให้ “ความปั่น = ความดัง”
ยุคนี้ คนดังเพราะเรื่องดี 1 ส่วน
ดังเพราะเรื่องปั่น 9 ส่วน
creator เลยเลือกทางที่คาดเดาผลลัพธ์ง่ายกว่า
คนดี ทำ content ดี มันต้องใช้ความรู้ ใช้ความพยายามไง กากกาก ดีกว่า เร็วดี ไม่ต้องคิดมาก

สังคมเราบริโภคสิ่งที่เร็ว creator ก็เลยต้องผลิตสิ่งที่เร็วแม้จะกาก สุดท้ายคนเสพติดสิ่งที่เร็ว (แม้จะ ขยะ) แล้วเราก็ช่วยกันด่า creator (ให้เค้าได้แสง) บอกตรงๆ ระบบมันสร้างคนแบบนี้ขึ้นมา ในยุคที่คนยิ่งเกิดน้อยๆ อยู่ ขอให้น้อยแบบมีคุณภาพได้ไหมอะ"

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top