วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ทางด่วนงามวงศ์วาน จาก “ลอยฟ้า-ใต้ดิน-บนดิน” จะได้สร้างมั้ย?
เมื่อเร็วๆ นี้ทางด่วนงามวงศ์วานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางด่วนขั้นที่ 3 กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติอนุมัติให้ใช้สะพานพงษ์เพชร-ถนนงามวงศ์วาน-อุโมงค์เกษตร เป็นเส้นทางของทางด่วนสายนี้
ความจริงคือการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ศึกษาโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 มาตั้งแต่ปี 2528 เพื่อแก้ปัญหาจราจรแนวตะวันตก-ตะวันออก บนถนนรัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน-ประเสริฐมนูกิจ (หรือถนนเกษตร-นวมินทร์) เดิมตั้งใจจะสร้างเป็น “ทางด่วนยกระดับตลอดสาย” แต่รัฐบาลหลายรัฐบาลที่ผ่านมาจัดลำดับให้โครงการนี้อยู่ “ท้ายคิว” ทั้งๆ ที่ กทพ.ได้ก่อสร้างตอม่อรองรับทางด่วนไว้พร้อมกับการก่อสร้างถนนประเสริฐมนูกิจโดยกรมทางหลวงในช่วงปี 2539-2541 เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น หลังจากกรมทางหลวงสร้างถนนประเสริฐมนูกิจเสร็จ กทพ.ก็ต้องขุดเจาะถนนเพื่อทำตอม่อ จะก่อให้รถติด สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน
1. แผนลอยฟ้าไม่ผ่าน... แผนใต้ดินก็ต้องพับ
ในปี 2565-2567 กทพ.พยายามแก้เกมจากการถูกคัดค้านการก่อสร้างทางด่วนลอยฟ้าที่ผ่านด้านข้างของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเปลี่ยนรูปแบบเป็นทางด่วนใต้ดิน เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ซึ่งทำให้ค่าก่อสร้างและค่าซ่อมบำรุงรักษาแพงกว่าทางด่วนลอยฟ้ามาก
แต่อย่างไรก็ตาม ในปลายปี 2567 แผนการก่อสร้างทางด่วนใต้ดินสายแรกของไทย ซึ่งลึกถึง 48.5 เมตร หรือเท่ากับตึกสูง 16 ชั้น ถูก “เบรก” เมื่อประเมินแล้วว่าไม่คุ้มทุน
ส่วนตัวผมเห็นว่าเป็นข่าวดี เพราะอุโมงค์ลึกขนาดนั้น... แถมเป็นอุโมงค์ 2 ชั้น ย่อมมีความเสี่ยงทั้งเรื่องอากาศเสีย ไฟไหม้ อุบัติเหตุจราจร และน้ำท่วม หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจะอพยพผู้ใช้ทางด่วนโดยเฉพาะเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ คนพิการ และคนป่วยออกจากอุโมงค์ได้ยากมาก
2. ลอยฟ้าไม่ได้ ใต้ดินไม่ได้ หันมาสร้าง “บนดิน”?
เมื่อก่อสร้างทางด่วนลอยฟ้าก็ไม่ได้ ทางด่วนใต้ดินก็ไม่ได้ ล่าสุด กทพ.เสนอแนวคิดใหม่คือก่อสร้างทางด่วนช่วงแยกพงษ์เพชร-แยกเกษตร เป็นทางด่วนบนดิน (ระดับดิน) โดยจะใช้ผิวจราจรบนถนนงามวงศ์วาน 4 ช่องจราจร จากทั้งหมด 8 ช่องจราจร รวมทั้งสะพานพงษ์เพชร สะพานบางเขน และอุโมงค์เกษตร มาทำเป็นทางด่วน
ผมไม่ทราบว่าแนวคิดนี้มาจากใคร? แต่ผลลัพธ์ชัดเจนมาก... งามวงศ์วานจะเป็นอัมพาตทันที เพราะทุกคนรู้ว่าเมื่อผิวจราจรครึ่งหนึ่งถูกแย่งไปทำทางด่วน รถที่ติดอยู่แล้วจะติดหนักขึ้นอย่าง “สาหัสสากรรจ์” ทั้งรถส่วนตัว และรถเมล์ที่มีอยู่กว่า 10 สาย
และที่สำคัญ การทำเช่นนี้เป็นการ “รังแก” ผู้ใช้รถใช้ถนนบนถนนงามวงศ์วานที่ต้องเผชิญรถติดอย่างหนักอยู่แล้ว ยังถูก “บังคับ” ให้จ่ายเงินเข้าใช้ทางด่วน ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกทำแบบนี้
3. อุโมงค์เกษตร... จุดเสี่ยงที่สุดถ้าถูกปรับเป็น “ทางด่วน”
อุโมงค์เกษตรถูกออกแบบเป็น “อุโมงค์ทางลอดความเร็วต่ำ-ปานกลาง” ไม่ได้ออกแบบสำหรับรถวิ่งกว่า 80-100 กม./ชม. แบบทางด่วน
การนำอุโมงค์ที่มีรัศมีโค้งแคบมากมาใช้เป็นทางด่วน จะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งการชนท้ายและรถเสียหลักถูกเหวี่ยงออกนอกโค้ง เสียการทรงตัว เสี่ยงต่อการพลิกคว่ำ หรือออกนอกเลนอย่างเลี่ยงไม่ได้
4. ทางออกที่ดีคือ “รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล”
กรณี กทพ.ไม่สามารถสร้างทางด่วนลอยฟ้าได้ ถ้าต้องการแก้รถติดบนถนนงามวงศ์วาน และถนนประเสริฐมนูกิจอย่างยั่งยืน กระทรวงคมนาคมควรเร่งเดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล เชื่อมแครายกับลำสาลี ระยะทาง 22 กม. ซึ่งผม (ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์) เป็นผู้เสนอไว้ตั้งแต่ปี 2556 ในขณะเป็น ส.ส. และได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลในขณะนั้น โดยได้บรรจุเส้นทางไว้ในแผนแม่บทรถไฟฟ้า
รถไฟฟ้าคือคำตอบที่ถูกต้องกว่า ปลอดภัยกว่า และไม่เบียดเบียนผิวจราจรประชาชน
5. ฟันธงว่า “ไม่ได้สร้าง”
ผมเชื่อมั่นว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนจะกล้าสั่งให้ กทพ.สร้างทางด่วนบนดินช่วงสะพานพงษ์เพชร-อุโมงค์เกษตรแน่นอน เพราะผลกระทบหนักเกินกว่าประโยชน์ที่จะได้ และจะสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอย่างมหาศาล
ใครจะกล้า?
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี