สภาพปัญหากรณีพิพาทที่ดินภายใน เขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง  ดำรงอยู่มานาน 28 ปี โดยการเผชิญหน้ากันให้เห็นเด่นชัดอยู่มีด้วยกัน 3 ฝ่าย คือ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง และชาวบ้าน..!?!  

ต่างฝ่ายกล่าวอ้างความชอบธรรมสิทธิ์ในที่ดิน มาเป็นเหตุผลในการเป็นเจ้าของ และการทำกินบนผืนดินผืนใหญ่ดังกล่าว ไฉนปัญหาเรื้อรังดังกล่าว จึงไม่ได้รับการแก้ไขให้บรรลุ เหตุผลคือ ภาครัฐขาดความจริงใจในการที่จะเข้ามาคลายเงื่อนปม ถอดสลัก ปล่อยให้สภาพปัญหาดำรงอยู่ จนกลายเป็นความขัดแย้ง แย่งชิง ผลประโยชน์บนแผ่นดินที่ธรรมชาติปั้นแต่งมาให้ อย่างน่าอดสู.?.

โดยเฉพาะผืนดินที่ตั้งติดตลอดแนวชายหาดปากเมง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง ที่มีการแย่งชิงความชอบในการถือครองที่ดินระหว่าง “องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง” กับ “อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไห” รวมถึง “ชาวบ้าน” ที่ถูกตกเป็น “จำเลย” ของการบุกรุกเข้าไปทำกินในผืนดินดังกล่าว

ส่งผลให้สภาพบนผืนดินต้องเจอกับสภาพ ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก กับการแก้ปัญหาที่เจอสภาพตีบตัน อ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่สามารถที่จะพัฒนาก้าวทันการรุกคืบด้านการท่องเที่ยวในปัจจุบัน?!?

ปัญหากรณีพิพาทดำรงมานาน 28 ปีระหว่าง องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง (อบจ.ตรัง) และอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างอ้างในกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณทุ่งอ่าวเหมาะ ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง เนื้อที่ 69 ไร่ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าหน่วยงานใดมีสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าว

มองย้อนความเป็นมาของที่ดินตัวการเจ้าปัญหา ที่สาธารณประโยชน์ “ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ปากเมง ทุ่งอ่าวเหมาะ” จํานวน
2,025 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา  ขึ้นทะเบียนไว้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สําหรับประชาชนใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ พาหนะ ร่วมกันตั้งแตวันที่ 30 ตุลาคม 2481 โดยอาศัยอํานาจตามความใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดิน รกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินพ.ศ.2478 ต่อมาได้ออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง ฉบับที่ 2592/2511 ลงวันที่ 30 เมษายน 2511

ปีพ.ศ.2524 ได้มีพระราชกฤษฎีกากําหนดบริเวณที่ดินป่าคลองไหโล้ ป่าคลองปอ และป่าคลองกันตัง ต.ไม้ฝาด อ.กันตัง จ.ตรัง ให้เป็นอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เนื้อที่ประมาณ 144,300 ไร่ โดยได้คลุมเอาพื้นที่สาธารณประโยชน์ “ทุ่งอ่าวเหมาะ” บางส่วนเนื้อที่ประมาณ 400-500 ไร่ เป็นเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม

ปีพ.ศ.2528 ได้มีพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ทุ่งอ่าวเหมาะทั้งแปลง เพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังจัดหาประโยชน์บำรุงท้องถิ่น ต่อมาปี พ.ศ.2529 ป่าคลองกะลาเสและป่าคลองไม้ตาย ได้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ แต่ปรากฏว่าพื้นที่บางส่วน เนื้อที่ประมาณ 877 ไร่ ได้ทับซ้อนที่ดินของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ที่ได้รับมอบให้นำไปจัดหาประโยชน์

เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ไม่สามารถเข้าไปจัดหาผลประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวได้ ที่ประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง มีมติให้ดำเนินคดีกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาบุกรุกแย่งการครอบครอง ที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง แปลง ทุ่งอ่าวเมาะ ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง  

ขณะที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมก็อ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าว  ข้อพิพาทเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพียงพิสูจน์สิทธิให้ชัดเจน ว่าที่ดินจํานวน 69 ไร่ เป็นกรรมสิทธิ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง หรือของอุทยานฯหาดเจ้าไหม

ณ วันนี้เรื่องเดินทาง…?!? สู่กระบวนการยุติธรรม รอการพิสูจน์ในชั้นศาล

ส่งผลปัญหาทั้งหมด ตกอยู่ที่ชาวบ้านที่ปักหลักอาศัยพื้นที่ดังกล่าวทำกิน ที่มีการเข้ามาทำกินโดยชอบ และไม่ชอบธรรม บนพื้นที่ชายหาดปากเมงที่ชาวบ้านอาศัย จำนวน 104 ครัวเรือน 387 คน และมีผู้ประกอบการร้านค้าในหาดปากเมง 64 ราย บนพื้นที่ชายหาดปากเมง จำนวน 915 ไร่ ประสบปัญหารอการแก้ไข และความชัดเจนจากภาครัฐ ด้วยเหตุผลของการที่จะต้องระแวดระวังการถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่รัฐ

ล่าสุด ผู้ประกอบการบริการห้องพัก ทั้งพัก รีสอร์ต บังกาโล และโฮมสเตย์ บริเวณชายหาดปากเมง กว่า 20 แห่ง เดินทางมายังกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดตรังเข้าพบพล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เพื่อมาขอคำปรึกษาหารือ ข้อแนะนำ เสนอแนะ และให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย โดยเฉพาะให้มีการชะลอการจับกุมชาวที่ทำกินบริเวณริมชายหาด

นายวิทยา โพธิ์พิชญกุล เจ้าของทรายทองรีสอร์ต ปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณชายหาดปากเมงยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ผู้ประกอบการริมชายหาดถูกต้องข้อสังเกตว่าดำเนินกิจการไม่ถูกต้อง และถูกจับกุมจากทางอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ทำไมทางจังหวัดจึงไม่เข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือ ปัญหามีมานานกว่า 20 ปี ส่วนหนึ่งเกิดจากความขัดแย้งระหว่างอุทยานฯกับ อบจ.ตรัง ทำให้ชาวบ้านบางส่วนไม่สามารถเช่าพื้นที่ทาง อบจ.ตรังได้ จึงอยากให้ภาคราชการหันมาให้ความสนใจที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง หาดปากเมงจะได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้น

“ที่อื่นมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง แต่ที่หาดปากเมงล้าหลังมาก ทั้งๆ ที่เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดตรัง สู่เกาะแก่งทะเลอันดามัน ผู้ประกอบการที่มีเอกสารสิทธิ ส.ค. 1 ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ และความซ้ำซ้อนของพื้นที่ครอบครอง ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีหลักประกัน ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างจะถูกจับกุมทันที

ผู้ประกอบการจึงมาหารือกับทางตำรวจเพื่อจะให้คำปรึกษาและช่วยเหลือทางด้านกฎหมายด้วย” นายวิทยา กล่าว

ขณะที่ นายสวรรค์ เสน่หา เจ้าของเสน่หาโฮมสเตย์  กล่าวถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นว่า สภาพปัญหาปากเมงเป็นเรื่องที่ดิน แยกเป็น 3 ส่วน คือ บางแห่งมีเอกสารสิทธิ ส.ค.1 และ น.ส.3 ก.  บางส่วนอยู่ในที่ดินของ อบจ.ตรัง ยังไม่มีการเช่า และบางส่วนอยู่ในเขตอุทยานฯหาดเจ้าไหม หาดปากเมงจำเป็นที่จะต้องได้รับการพัฒนา สถานที่พักมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยว ที่ดินของ อบจ.เองยังไม่ข้อสรุปไม่มีการแบ่งโซน หาจุดลงตัวยังไม่ได้ทางอุทยานฯเองแม้จะมีระเบียบการแบ่งโซนบริการให้เช่าพื้นที่แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ

พวกเราไม่อยากอยู่อย่างเถื่อนๆ ให้ราชการให้ความชัดเจนด้วย

ทางด้าน พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่าสภาพปัญหาปากเมงที่เกิดขึ้น ประชาชนมีสิทธินำเสนาให้ภาคราชการปฏิบัติ ด้วยวธีการรวมกลุ่มกันวางแผน จัดรูปแบบว่าจะให้ปากเมงพัฒนาอย่างไร การรวมตัวกันต้องอาศัยผู้นำที่มีความเข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ เป็นที่ยอมรับ ให้มีความรัก ความสามัคคี ของคนในปากเมงอย่างเหนียวแน่น เพื่อจะได้นำไปสู่การปฎิบัติที่บรรลุผลได้

“ผมให้แนวคิดของการแก้ปัญหาว่า ให้ประชาชนบริเวณหาดปากเมง รวมกลุ่มจัดตั้งเป็นชมรมฯจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหาดปากเมง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยกันดูแลความสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งขยะหรือปล่อยน้ำเสียลงทะล มีความเกื้อกูลที่ดีต่อกัน ด้วยการทำจัดเป็นข้อระเบียบปฏิบัติ จากนั้นให้นำเสนอภาคราชการ เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานจะได้รับการแก้ไขและช่วยเหลือ”

“สำหรับปัญหาที่ชาวบ้านปากเมง ร้องขอความช่วยเหลือมายังผมเรื่องที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และขอให้มีการชะลอด้วยนั้น ผมก็ได้เสนอว่าหลังจากที่ชาวบ้านปากเมงรวมกลุ่มกันทำหนังสือผ่านผม และผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพื่อจะได้นำเสนอต่อไปยังทางอุทยานฯ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืช ตามลำดับ โดยเบื้องต้น ทางนายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราการจังหวัดตรัง มีความเห็นชอบร่วมกัน เชื่อปัญหานี้จะได้รับการช่วยเหลือต่อไป” พล.ต.ต.จีรวัฒน์ กล่าว

สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ณ ประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวตรังชายหาดปากเมง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง 3 ฝ่ายระหว่าง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง และชาวบ้านที่อาศัยทำกิน กับระยะเวลาเนิ่นนาเกือบ 30 ปี นับว่าเรื้งรัง ยืดเยื้อ รอวันการแก้ปัญหา เพื่อให้หาดปากเมงได้รับการพัฒนาไปสู่ทิศทางควรจะก้าวเดินต่อไป