‘รบพิเศษ’ตั้งวอร์รูมชนบิ๊กตร.
ทวงคืน330ไร่
ลุยยึดบ้านพักสุดหรู8หลัง
อุทยานฯเปิดศึกกรมที่ดิน
ปปท.ฟัน78ขรก.เอี่ยวรุกป่า
มีความคืบหน้าการตรวจสอบกรณี“บิ๊กตำรวจ” บุกรุกที่ดินบริเวณชะง่อนผาเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 330 ไร่ซึ่งเป็นพื้นที่ของกองพันรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ (ค่ายหนองตะกู) ต.ขนงพระ อ.ปากช่องจ.นครราชสีมา ขึ้นตรงกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรีตามข่าวเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.อ.สมหมาย บุษบา เสนาธิการกองยุทธการ กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะคณะทำงานด้านกฎหมายกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ว่า
กองพันรบพิเศษ ได้ประสานไปยังนิคมสร้างตนเองลำตะคองเพื่อขอตรวจสอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินนิคมสร้างตนเอง (น.ค.1) และหนังสือแสดงการทำประโยชน์นิคมสร้างตนเอง (น.ค.3).แล้วพบว่ารายการทั้งหมดขาดคุณสมบัติในการออกโฉนด
พ.อ.สมหมาย กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ที่ถูกบุกรุก 330 ไร่นั้น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่นิคมฯ แต่เป็นพื้นที่ของกองพันรบพิเศษ ฉะนั้นต้องมีการตรวจสอบแล้วเพิกถอนให้หมดและเพิกถอนโฉนด ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบต้นฉบับ ส่วนตัวบ้านอาคาร 8 หลังเข้ากฎหมายฟอกเงินในการยึดทรัพย์ โดยคิดว่าทั้งตัวบ้าน และอาคารเหล่านี้ คิดว่าคงจะไม่ทุบทำลาย แต่จะนำมาใช้ประโยชนืกับทางราชการต่อไป
ส่วนเรื่องที่มีการประสานไปยัง อบต.ขนงพระ เรื่องการก่อสร้างบ้าน อาคาร ตนก็อยากรู้ว่าทำไมทาง อบต.ขนงพระยังไม่ตอบกลับมา ซึ่งเราก็กำลังรอคำตอบอยู่ จึงฝากไปยัง อบต.ขนงพระ ให้ดำเนินการตอบกลับมาโดยเร็วที่สุดด้วย ทั้งนี้ทราบว่าทางหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษจ.ลพบุรี ได้สั่งตั้งกองบัญชาการการตรวจสอบการบุกรุกที่ของกองพันรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษอญุ่ที่ ต.หนองสาหร่าย ซึ่งอยู่ใกล้กับนิคมลำตะคองเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ในการทวงคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันพ.อ.สมหมาย ยังเดินทางเข้าพบ พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบในกรณีดังกล่าวที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรายงานผลการดำเนินงานตรวจสอบการบุกรุกที่ดินของรัฐโดยเฉพาะการบุกรุกที่ทหาร ซึ่งทางรองแม่ทัพภาคที่2
ย้ำให้คณะทำงานฯระมัดระวังเป็นพิเศษมากขึ้น เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน และข้าราชการระดับสูง
อีกกรณีหนึ่งนายเหมรัศม์ แสงประกาย อดีตเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองกบ อ.หนองแซง จ.สระบุรี เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ผ่านศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กล่าวหาผู้บริหาร
อบต.หนองกบใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการตัดต้นไม้อายุกว่า 14 ปี ตามโครงการพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ซึ่งใช้งบฯในการซื้อต้นไม้มาปลูก 1.6 แสนล้านบาท รวมระยะทาง 3 กิโลเมตร ซึ่งมีการท้วงติงและแจ้งความดำเนินคดีแล้วแต่ไม่คืบหน้า
วันเดียวกันนายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงผลการดำเนินงานของกรมอุทยานฯประจำปีงบประมาณ 2557โดยที่น่าสนใจคือการดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกอุทยานฯ สิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ตที่มีการตรวจสอบพบว่ามีการนำ สค. 1 ไปออกเอกสารสิทธิ์จำนวน 379 แปลง เนื้อที่ 2,743.34 ไร่ ดำเนินคดีไปแล้ว 14 แปลง เนื้อที่ 785.52 ไร่คงเหลือต้องดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก จำนวน 365 แปลง เนื้อที่1,957.82 ไร่ รวมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำด้วย
ด้านนายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานฯ กล่าวย้ำว่า กรณีอุทยานฯ สิรินาถกรมอุทยานฯ ยืนยันว่าไม่สามารถนำพื้นที่ไปออกโฉนดได้อย่างเด็ดขาด สิ่งที่กรมที่ดินกระทรวงมหาดไทยแถลงว่าโรงแรมหรูออกโฉนดโดยชอบ 8 แปลง ใน 18แปลงนั้น เป็นการแถลงแบบเด็กเลี้ยงแกะถ้าแถลงแบบนี้จะให้ตนเชื่อนั้น ตนไม่เชื่อเด็ดขาดเพราะแถลงเพื่อเอาตัวรอด
“ยกตัวอย่าง รายบริษัทลายันภูเก็ต ภาพถ่ายทางอากาศปี 2493 และปี 2510 ชัดเจนว่าพื้นที่ที่นำไปออกโฉนดยังเป็นน้ำทะเลอยู่และค่อย ๆ มีแผ่นดินนงอกขึ้นมา จนกระทั่งเริ่มมีสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นในช่วงปี 2545- 2550 และมีการนำ ส.ค. 1 บินมาออกโฉนดบริเวณนี้ ขณะนี้ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่สรุปเรื่องเพื่อฟ้องร้องต่อศาลและทำหนังสือแย้งไปยังกรมที่ดินอีกทาง”นายสมัครีระบุ
และว่าการที่กรมที่ดินระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการออกโฉนดโดยชอบนั้นถ้าหากจะบอกว่าออกโดยไม่ชอบเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินก็ต้องมีความผิดด้วยวันนี้ตนขอบอกว่าผมไม่ไว้วางใจกรมที่ดินเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้กรมอุทยานฯยังได้แถลงผลงานดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าทั่วประเทศกว่า 2 หมื่นไร่ อาทิ บุกรุกพื้นที่อุทยานฯทับลาน คดีบุกรุกพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรีจำนวนกว่า 389 ไร่ คดีบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ เขาแหลม จ.กาญจนบุรีจำนวน 712 ไร่ คดีบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ แก่งกระจาน เป็นต้น ซึ่งแต่ละคดีนั้นยังได้ฟ้องร้องฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วย
ส่วนนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ปปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ทาง ปปท. ได้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ปล่อยปละละเลยให้มีการบุกรุกผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติตามคำสั่งฉบับที่ 69/2557 ของคณะรักษาความสงบแห่ชาติ(คสช.)
โดยหลังจากการลงพื้นที่ในจ.สระบุรี นครราชสีมา ภูเก็ต และพังงา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ กรณีการทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าข่ายการละเลยปฏิบัติหน้าที่ โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง 78 ราย ดำเนินการไต่สวนแล้ว 10 ราย สำหรับรายละเอียดได้ส่งให้กับต้นสังกัดของข้าราชการในกลุ่มดังกล่าวหมดแล้ว
นายประยงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบรีสอร์ทหรูในจังหวัดสระบุรี พบว่ามีอธิบดีกรมป่าไม้ได้สั่งย้ายข้าราชการ 2 ราย ออกจากพื้นที่หลังมีพฤติกรรมบุกรุกผืนป่าเอง ซึ่งการกวดขันในครั้งนี้จะเป็นไปตามการตรวจสอบการประพฤติมิชอบของข้าราชการและการทุจริตต่างๆของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเคร่งครัด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี