สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ร่วมกับ บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด จัดงานแสดงภาพถ่ายชุด “ศาสตร์แห่งพระราชา : โรงงานหลวงฯ เพื่อปวงชน”ณ นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 14-31 ตุลาคม 2557 เพื่อแสดงออกถึงความ
รับผิดชอบต่อท้องถิ่น ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นแนวพระราชดำริในการพัฒนาท้องถิ่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ภาพถ่ายจำนวน 100 ภาพ ที่จัดแสดง เป็นผลงานของนิสิต นักศึกษา จาก 9 สถาบันในเครือข่ายนิเทศศาสตร์ ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยรวมทั้งสิ้น 30 คน เดินทางไปทัศนศึกษาที่จังหวัดสกลนครเป็นเวลา 5 วัน โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาร่วมสังเกตการณ์
ในการลงพื้นที่ นิสิตนักศึกษาได้เยี่ยมชมการทำงานในโรงงานหลวงอาหารสำเร็จ รู้จักสถานที่สำคัญของจังหวัดสกลนคร เช่น วัดพระธาตุเชิงชุม หนองหาร อ่างเก็บน้ำห้วยหวด ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน ฯลฯ อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของ
ชาวบ้าน อาทิ ในด้านการทำนาข้าว การปลูกมะเขือเทศ การทอผ้า การสานตะกร้าจากเถาวัลย์ และการทำไม้กวาดดอกหญ้า เป็นต้น
กิจกรรมดังกล่าวนี้เยาวชนในท้องถิ่นซึ่งทำหน้าที่ “ยุวมัคคุเทศก์” และ “ยุวเกษตรกร” เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้ให้ข้อมูลและนำทางพี่ๆ ให้เข้าไปศึกษาเรียนรู้ชุมชนอย่างใกล้ชิดและเจาะลึก
นายปัณณวิชญ์ ทิพยเมธาพันธ์ หรือ ปอม นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ระบุว่า ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ได้เดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เคยไป ได้รู้ว่าคนในโรงงานหลวงเขาทำงานกันอย่างไร ซึ่งถ้าเราไม่ได้ร่วมกิจกรรมนี้ก็คงไม่มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม
“แนวคิดในการถ่ายภาพของผม คืออยากเสนอมุมมองเกี่ยวกับความตั้งใจในการทำงาน ความใส่ใจในรายละเอียดของคนที่ทำงานในโรงงานหลวง กว่าจะได้ผลผลิตแต่ละอย่างออกมา เขาใส่ใจและตั้งใจมาก และเขามีความสุข ที่นี่เขาเน้นความพอเพียง อยู่ได้โดยไม่ต้องเน้นเทคโนโลยีอะไรมาก ซึ่งผมคิดว่านี่คือความสุขที่แท้จริงอย่างหนึ่ง”
ขณะที่นางสาวเกษนภา แสนมงคล หรือ อิ่ม นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ สาขาศิลปะการถ่ายภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ว่า ทำให้ได้รู้จักคำว่า “ความพอเพียง” ของในหลวงอย่างจริงๆ เพราะตลอดเวลา 5 วันที่สกลนครเธอได้เรียนรู้จากชาวบ้านว่าเขาเป็นอยู่กันอย่างเรียบง่าย ไม่ว่าจะหันซ้ายหันขวามองไปข้างหน้าหรือมองกลับหลัง ทุกอย่างพอเพียงในแบบที่เขาเป็น
โครงการนี้ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้รู้จักชีวิต เห็นภาพจริง รู้สึกดีที่ได้คลุกคลีกับชาวบ้าน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับในหลวง เด่นชัดเรื่องพอเพียง บ้านเป็นถนนธรรมดา กินข้าวยังใช้วิธีเก่าๆ ไม่ใช้แก๊ส ใช้เตาฟืน ได้เห็นที่ท่านสอนและเกิดขึ้นจริง บางคนรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้จริงแต่ไม่เลือกใช้ แต่ชาวบ้านเลือกใช้ มีความสุขกับสิ่งที่เขาเลือก
สำหรับการจัดกิจกรรมทัศนศึกษาและประกวดภาพถ่ายในครั้งนี้ คณะทำงานได้จับสลากแบ่งนักศึกษา 30 คน ออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะคละนักศึกษาต่างสถาบัน ทุกกลุ่มเริ่มต้นจากการไม่รู้จักกันแต่ต้องทำงานร่วมกันตลอด 5 วันที่จังหวัดสกลนคร
นายสิทธิพล วรรณนิยม หรือ ปอนด์ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณา มหาวิทยาลัยศรีปทุม หนึ่งในทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในหัวข้อ วัฒนธรรมชุมชน ให้ความเห็นว่า การแบ่งกลุ่มแบบนี้ทำให้ได้เพื่อนใหม่ ได้มิตรภาพ รู้จักการทำงานเป็นทีม ร่วมมือกันทำงาน เป็นบรรยากาศการทำงานที่ดีและสนุก เพื่อนๆ ที่ได้พบจากกิจกรรมนี้ นอกจากจะทำงานด้วยกันตอนประกวดแล้ว กลับจากโรงงานหลวงก็ยังติดต่อกัน ใครไปทำกิจกรรมถ่ายภาพที่น่าสนใจก็จะนำมาแชร์กับเพื่อนๆ เป็นการต่อยอดความสัมพันธ์ที่ดีมาก
“สำหรับผมซึ่งเป็นช่างภาพ จะนำแนวคิดและประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนี้ไปต่อยอดในการสื่อสารให้ผู้คนได้รับรู้พระราชกรณียกิจพระองค์ท่านจากภาพถ่ายซึ่งสามารถอธิบายได้มากกว่าคำพูด” นายสิทธิพลกล่าวทิ้งท้าย
การจัดนิทรรศการครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชม ทั้งนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งแบบที่มากันเป็นครอบครัว อย่างครอบครัว “ศิริคุณากร” ซึ่งทุกคนประทับใจกับภาพถ่ายที่ได้ชมในครั้งนี้มาก
นายวิบูลย์ ศิริคุณากร อายุ 57 ปี (ทำธุรกิจส่วนตัว)กล่าวว่า มาชมนิทรรศการภาพถ่ายเพราะพาลูกชายมาชมนิทรรศน์
รัตนโกสินทร์ เพิ่งทราบว่าน้ำมะเขือเทศของดอยคำที่ตนชอบดื่มเป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตของโรงงานหลวงของพระราชาที่สกลนคร ซึ่งเพิ่งได้ทราบจากคนที่นำชมงานว่า นอกจากโรงงานหลวงจะสนับสนุนให้ชาวบ้านเต่างอย ปลูกมะเขือเทศเพื่อนำส่งเข้าโรงงานแปรรูปผลผลิตแล้ว ยังมีการคัดสรรเมล็ดพันธุ์และส่งมอบให้ชาวบ้านนำไปปลูก พร้อมให้ข้อมูลและเทคนิควิธีในการปลูกเพื่อให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งหมายถึงการควบคุมคุณภาพการผลิตแก่เกษตรกรรายย่อยเพื่อมาตรฐานของน้ำมะเขือเทศนั่นเอง
“นิทรรศการภาพถ่ายนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของผลการทรงงานของในหลวง เป็นเพียงจุดเล็กๆ ในตัวอย่างที่เห็นได้จริง
จากชุมชนเต่างอย จ.สกลนคร ที่พลิกจากการเป็นพื้นที่แห้งแล้งเมื่อหลายสิบปีก่อนมาเป็นดั่งที่เห็นได้ในปัจจุบัน” นายวิบูลย์กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี