20 ก.พ.58 นายปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยถึงกรณีที่มหาเถรสมาคมมีมติให้ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และประธานมูลนิธิวัดพระธรรมกาย คงสถานะพระสงฆ์ ไม่ต้องปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก โดยมีเหตุว่า พระเทพญาณมหามุนีได้คืนทรัพย์สมบัติให้แก่วัดพระธรรมกายในปี พ.ศ.2549 แล้วว่า ปาราชิก เป็นความผิดตามพระธรรมวินัยซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของพระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิก แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที
นอกจากนี้ ในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 15 ตรี บัญญัติไว้ว่า มหาเถรสมาคมมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ 1.ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม 2.ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร 3.ควบคุมและส่งเสริมการศาสนาศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ 4.รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา และ 5.ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
วรรคสอง บัญญัติว่า เพื่อการนี้ ให้มหาเถรสมาคมมีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคำสั่ง มีมติหรือออกประกาศ โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายและพระธรรมวินัยใช้บังคับได้ และ จะมอบให้พระภิกษุรูปใดหรือคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตาม มาตรา 19 เป็นผู้ใช้อำนาจ หน้าที่ตามวรรคหนึ่งก็ได้
นายปรีชา ระบุว่า ตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร พระเทพญาณมหามุนีต้องโทษปาราชิกตามพระธรรมวินัย ดังนั้นมติมหาเถรสมาคมที่ออกมานั้นขัดแย้งกับพระธรรมวินัย จึงถือว่ามตินั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายสงฆ์ ถือเป็นโมฆะ
รายงานระบุว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคมนั้น มีกรรมการทั้งสิ้น 20 ตำแหน่ง โดยเป็น ฝ่ายธรรมยุติ 10 เสียงและฝ่ายมหานิกาย 10 เสียง โดยใน 20 เสียงเป็นผู้สนับสนุนวัดพระธรรมกาย 12 เสียง โดยระบุว่าเป็นเสียงจากฝ่ายมหานิกาย 10 เสียงรวมกับวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นฝ่ายธรรมยุติอีก 2 เสียง
สำหรับปาราชิกนั้นมี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่ 1.เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์) 2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก(5 มาสกเท่ากับ 1 บาท) 3.พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือประหารและจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้นๆยินดีที่จะตาย โดยมีเจตนาหวังให้ตาย และ 4.กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง อาบัติปาราชิกทั้ง 4 นี้เป็นอาบัติหนักที่เรียกว่า อเตกิจฉา คือไม่สามารถแก้ไขได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี