นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบและแก้ไขสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำริมคลองสาธารณะ ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งได้มีการลงพื้นที่สำรวจและประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางวางแผนพัฒนาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลอง โดยมอบสำนักพัฒนาสังคมประสานแผนงานให้สอดคล้องกับหน่วยงานหลักของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรี บูรณาการ ภารกิจและแผนปฏิบัติงานหน่วยงานต่างๆ ทั้งในสังกัดและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยจัดทำโครงการจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคลองลาดพร้าว และคลองสอง ให้การดำเนินงานเป็นระบบ มีประสิทธิภาพเห็นผลชัดเจนรวดเร็ว

นายกิตตินันท์ ขาวสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กล่าวว่า โครงการจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคลองลาดพร้าวและคลองสอง ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ที่เห็นชอบตามคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มีมติอนุมัติงบประมาณ ปี 2558 (เพิ่มเติม) ให้กรุงเทพมหานครดำเนินการก่อสร้างเขื่อนคสล. และประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง และคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ถึงประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ ความยาวประมาณ 22.64 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ 8 เขต ประกอบด้วย เขตวังทองหลาง, สายไหม, ดอนเมือง, ห้วยขวาง, จตุจักร, ลาดพร้าว, บางเขนและหลักสี่ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

โดยกำหนดแผนดำเนินการ 3 ระยะ กำหนดแผนงานและระยะเวลาก่อสร้าง สำรวจพื้นที่ ข้อมูลการบุกรุกคลองและผู้ได้รับผลกระทบ จัดทำแผนการอพยพหรือรื้อย้ายชุมชนที่บุกรุกคลองในพื้นที่เป้าหมาย โดยประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน การเคหะแห่งชาติ และกรมธนารักษ์ จัดหาที่อยู่อาศัยถาวร

ทั้งนี้ ได้ให้สำนักงานเขต 8 เขต สำรวจและจัดทำแผนอพยพชุมชนให้สอดคล้องกับแผนการก่อสร้าง ด้านสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และการเคหะแห่งชาติทำแผนจัดหาที่อยู่อาศัยรองรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ อาทิ โครงการบ้านมั่นคง, โครงการบ้านเอื้ออาทร หรือจัดหาพื้นที่ราชพัสดุรองรับในส่วนของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ได้จัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองสอง พื้นที่ 8 เขต กว่า 9,000 ครัวเรือน ใน 66 ชุมชนระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี งบประมาณ 4,000 ล้านบาทพัฒนาใน 3 รูปแบบ ทั้งการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิม และการหาที่อยู่อาศัยใหม่อพยพย้ายออก จะเริ่มพื้นที่นำร่องใน 2 เขต คือ เขตดอนเมืองและหลักสี่