16 ก.ย. 58 เวลา 12.30 น. ร.ต.ท.ทศพร อุตมะพรหม พนักงานสอบสวน สภ.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด รับแจ้งเหตุไฟไหม้ศาลาการเปรียญ วัดบ้านแขม หมู่ 11ต.หน่อม อ.อาจสามารถ  จึงรุดไปที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ของ  อบต.หนองหมื่นถ่าน  อบต.หน่อม  อบต.หนองขาม และ ทบต.อาจสามารถ ช่วยกันฉีดน้ำดับไฟกำลังไหม้ศาลาการเปรียญหลังเก่า เป็นเวลากว่า 45 นาที ไฟจึงสงบ สภาพศาลา เหลือแต่เสาตอม้อ ซึ่งหล่อด้วยคอนกรีต และซากสังกะสีมุงหลังคา  พร้อมด้วยพระพุทธรูป เนื้อทองเหลือง องค์ใหญ่เป็นองค์ประธานและพระพุทธรูปขนาดเล็ก ตั้งอยู่รอบฐานองค์ประธาน เนื้อทองเหลืองและเนื้อนวโลหะ อีกกว่า 20 องค์  ถูกไฟไหม้ละลาย หัก เสียหายรวมมูลค่า กว่า 800,000 บาท 

ร.ต.ท.ทศพร อุตมะพรหม สอบสวนพบว่าก่อนหน้าพระในวัดมีจำนวน 5 รูป หลังจากฉันภัตราหารเพลแล้ว เข้าจำวัดอยู่ตามกุฏิ ในบริเวณวัด ศาลาการเปรียญ ขณะเดียวกันมีนายวิเชียร ตากแดดหัวโทน อายุ 67 ปี ชาวบ้าน กำลังนั่งพักอยู่ใต้ถุนศาลาการเปรียญหลังเก่า ซึ่งอยู่ห่างจากหลังใหม่ 50 เมตร ได้ยินเสียงกระจกบนศาลาการเปรียญหลังเก่าตกลงมาแตกหลายแผ่นติดต่อกัน นายวิเชียรจึงออกจากใต้ถุนศาลา  มามองขึ้นบนศาลา จึงเห็นควันโขมง พร้อมเปลวไฟที่ลุกไหม้ไปตามสายไฟฟ้าในศาลาวัดอย่างรวดเร็ว  นายวิเชียรจึงร้องตะโกนบอกพระในวัดและเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้วัดให้ทราบเหตุว่าไฟไหม้ศาลาวัด  ชาวบ้านจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ และขอความช่วยเหลือไปตาม อบต.และ ทต.ใกล้เคียง ให้นำรถดับเพลิงไปช่วยดับไฟ

ชาวบ้านแขมบอกว่าศาลาการเปรียญหลังที่ถูกไฟไหม้ สร้างมาเป็นเวลากว่า 85 ปีแล้ว  เป็นศาลาวัดที่สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง หลังขนาดใหญ่ กว้าง 5 เมตร ยาง 8 เมตร เสา 40 ต้น  มีฝาผนัง 3 ด้าน จากความเก่าแก่ ได้มีการเปลี่ยนเสาจากเสาไม้ เป็นเสาคอนกรีต  ต่อมาถึงแม้มีการสร้างศาลาหลังใหม่ขึ้นมาแล้ว แต่ชาวบ้านไม่ให้รื้อ เพราะต้องการเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้เห็นและเพื่อให้ทราบสาเหตุไฟไหม้ที่แท้จริง  ร.ต.ท.ทศพร อุตมะพรหม พนักงานสอบสวน สภ.หน่อม จึงแจ้งตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ร้อยเอ็ด ไปตรวจพิสูจน์ต่อไป