ทั้ง 21 อรหันต์ กรธ.-คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และ 200 สปท.-สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้รับการแต่งตั้งและเดินหน้าเริ่มงานตามภารกิจแล้ว เข้าสู่โหมดเริ่มนับหนึ่งอีกครั้งในการร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะออกมาเป็นกติกาสูงสุดในการปกครองประเทศต่อไป และตามโรดแมป 6 - 4 – 6 – 4 ถ้ารัฐธรรมนูญใหม่ผ่านด่าน“ประชามติ”ไปได้ ประเทศไทยก็จะเลือกตั้งใหม่อีกครั้งราวกลางปี 2560 กลับสู่ประชาธิปไตย ตามที่นายกฯบิ๊กตู่ไปบอกกล่าวไว้ในเวทีสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐมา
รายชื่อ 21 อรหันต์ กรธ.ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานฯ ส่วนใหญ่ส่วนสำคัญล้วนเป็นนักกฎหมาย นักนิติศาสตร์ โดยมีภาคส่วนอื่นแจมบ้าง พอเป็นน้ำจิ้ม เท่าที่สดับฟังเสียงสังคมแล้ว ต่างเชื่อว่าการทำงานจะออกมาในแนวทางที่รู้ใจ คสช. ตามใจ “แป๊ะ” แล้วจะเป็นที่ถูกใจประชาชนหรือไม่? อาจจะหวังได้ไม่ง่ายนัก แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องรอดูการทำงานต่อไปก่อน ไม่อาจตัดสินอะไรล่วงหน้าได้
ขณะที่ในส่วนของ 200 สปท.แม้จะดูเหมือนมีความหลากหลายพอสมควร แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นบรรดาทหาร ตำรวจ และข้าราชการหรืออดีตข้าราชการเกินกว่าครึ่ง เที่ยวนี้ที่แตกต่างจากสปช.-สภาปฏิรูปแห่งชาติที่ถูกยุบเลิกไป ก็คือ มีบรรดาตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาร่วมด้วยอยู่ครบทุกพรรคสำคัญๆ รวมถึงกลุ่มการเมืองคู่ขัดแย้งทั้งเสื้อแดง-เสื้อเหลือง ถึงกระนั่นกลับไม่ค่อยให้ความรู้สึกที่สามารถคาดหวังได้มากนัก ในการที่จะขับเคลื่อน“การปฏิรูป”ให้ได้อย่างแท้จริง
ซึ่งด้านหนึ่งอาจจะเป็นเพราะ 1 ปีที่ผ่านมากับการทำงานของสปช.ยังไม่เกิดผลงานการปฏิรูปอะไรที่ได้ดังใจหวังของสังคม ทำให้พลอยลดความหวังที่มีต่อ สปท.ลงไปด้วย
นอกจากนี้ การที่มีนักการเมืองจากหลากหลายพรรคมาเป็น สปท.ด้วย แม้ด้านหนึ่งดูเหมือนเป็นการเปิดช่องให้นักการเมืองเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดัน “การปฏิรูป”หวังที่จะลดแรงกดดันทางการเมืองลง แต่ที่ผ่านมา จากการที่นักการเมืองไทยเอง
ไม่เคยได้สร้างความหวังในเรื่องการปฏิรูปให้กับสังคมไทยนัก มีแต่แนวคิดในการแก่งแย่งอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองหรือของฝ่ายตนเองเป็นสำคัญ จนกลายเป็นต้นตอหนึ่งที่ทำให้ประเทศชาติแตกแยก ร้าวลึกมาถึงทุกวันนี้ เลยทำให้สังคมเองก็ยังระแวง กลัวว่า การที่นักการเมืองเข้ามาเป็น สปท. อาจจะกลายเป็น“ตัวถ่วง”หรือมีแนวความคิดที่ขัดแย้งกันระหว่างสี จนกลายเป็นอุปสรรคต่อแนวทางการปฏิรูปหรือไม่
อีกประการหนึ่ง ดูเหมือนหลายภาคส่วนของสังคม อดเกิดความรู้สึกไม่ได้ว่าผู้ที่มาเป็นสปท.ดังรายชื่อส่วนใหญ่นั้น ล้วนแต่
ถือเป็นระดับ“ชนชั้นปกครอง” ชนชั้นระดับบนเสียเกือบหมด ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่พลอยทอนความหวังที่มีต่อ สปท.ลงไปไม่น้อย
อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญใหม่และการปฏิรูปประเทศชาติ ถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ จึงต้องช่วยกันลุ้น ช่วยกันให้กำลังใจ หวังให้ทั้ง กรธ.และ สปท.สามารถทำงานออกมาให้ได้ดีที่สุด เพราะนั่นย่อมหมายถึงผลดีที่จะเกิดกับประเทศชาติโดยร่วมเป็นสำคัญ
จากรายชื่อ สปท.ทั้งหมด มีบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปเป็นด้วย 2 คน คือ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ที่เพิ่งถูกปรับครม.พ้นจากตำแหน่งรมว.เกษตรฯ ทำให้อาจถูกเมาส์ได้ว่า ได้รับแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่ง สปท.เพื่อเป็นการปลอบใจหรือเปล่า ส่วนอีกคนคือ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน ที่อยู่ระหว่างไปรักษาการในตำแหน่งรองปลัดกระทรวงฯ
บทบาทของ 2 สปท.จากสายกระทรวงเกษตรฯจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปประเทศโดยรวมอะไรได้แค่ไหนรวมทั้งเรื่องการปฏิรูปในส่วนของภาคการเกษตรบ้างหรือไม่ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป และแน่นอนต้องขอให้กำลังใจด้วยเช่นกัน
พร้อมๆ กับการเริ่มเดินหน้าทำงานของ กรธ.และ สปท.ในต้นเดือนตุลาคม ก็ถือเป็นช่วงเริ่มต้นการทำงานของทีมผู้บริหารสูงสุดในฝ่ายข้าราชการประจำของกระทรวงเกษตรฯ นำโดยปลัดกระทรวงฯคนใหม่อย่างนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ที่ข้ามห้วยมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ
ถึงแม้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากอดีตลูกหม้อกระทรวงเกษตรฯ ต่อการข้ามห้วยของนายธีรภัทรอยู่พอสมควร แต่เมื่อไม่มีการทบทวนคำสั่ง ตามที่บ้างฝ่ายเรียกร้อง ก็ต้องเปิดโอกาสให้ปลัดฯคนใหม่ได้โชว์ฝืมือ ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว
ก็ต้องขอให้กำลังใจเช่นเดียวกัน เพราะถ้าท่านทำงานได้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เป็นการพิสูจน์ตัวเองเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผลดีย่อมตกอยู่ที่เกษตรกรทั้งหลายนั่นเอง
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี