ภูทับเบิกโมเดล
‘กอบกาญจน์’จัดระเบียบ
จำกัดจำนวนนักเที่ยว
ห้ามจอดรถข้างทาง
จ่อคุย‘ทส.’26ตุลาฯ
ขอโทษทำจราจรติด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีภาพข่าวประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวที่ภูทับเบิกอ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้รถติดหนักยาว 15 กิโลเมตร แถมยังมีข่าวว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่รถติดเป็นเพราะ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปดูงานในช่วงวันหยุดยาวเหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 25ตุลาคม นางกอบกาญจน์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Kobkarn Suriyasat Wattanavrangkul Official ขอโทษและชี้แจงในเรื่องดังกล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าทีมงานดิฉันลงพื้นที่ที่ภูทับเบิก จนทำเกิดปัญหารถติดในพื้นที่ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นดังนี้ค่ะ ทาง ผวจ.เพชรบูรณ์ ได้แจ้งให้ทราบว่าได้งบประมาณมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วและอยู่ในช่วงดำเนินการเพราะถนนบนภูทับเบิกแคบ และเข้าออกได้ทางเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของต้นหน้าหนาววันหยุดยาวนี้ ทำให้มีประชาชนเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น การพูดคุยวันนี้จึงเป็นวาระเร่งด่วน คือการหารือกับหน่วยงานจังหวัดเพชรบูรณ์และประชาคมชาวม้งในพื้นที่มีความเห็นในการแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติ ซึ่งเมื่อดิฉันทราบปัญหาดังนี้ดิฉันจึงได้กำชับขบวนไม่ให้กีดขวางนักท่องเที่ยวอย่างเด็ดขาดและตอนขากลับก็วิ่งเลนขวาซึ่งไม่มีรถและระหว่างเดินทางก็ได้ติดต่อแจ้ง จส.100 และได้โฟนอินสถานการณ์ขณะนั้นด้วยค่ะ
สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องจราจรจะแบ่งออกเป็น 3ระยะ คือ 1.ระยะเร่งด่วน ต้องแก้ปัญหารถติดบนภูทับเบิก โดยจะรณรงค์เรื่องการจอดรถไม่ให้กีดขวาง เพราะถนนบนภูทับเบิกแคบและเข้าออกได้ทางเดียว 2.ระยะกลาง หน่วยงานในพื้นที่จะประสานใช้พื้นที่กรมป่าไม้สร้างถนนทางออก ให้การจราจรคล่องตัว 3.ระยะยาว หน่วยงานในพื้นที่และกรมป่าไม้ร่วมกันทำโซนนิ่งภูทับเบิก เพื่อจัดสรรการใช้พื้นที่ 14,000ไร่ นอกจากนี้ มีความเห็นร่วมกันว่าการพัฒนาท่องเที่ยวในอนาคต จะต้องสร้างอัตลักษณ์ม้ง เพราะการสร้างรีสอร์ทที่ผ่านมาเป็นรีสอร์ทหลากสี แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ดิฉันในนามผู้ปฏิบัติงานผู้รับใช้ประชาชนต้องขออภัยพี่น้องประชาชนสำหรับความไม่สะดวกในการเดินทางที่เกิดขึ้นครั้งนี้ด้วยค่ะ
นางกอบกาญจน์ ยังให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีนักท่องเที่ยวหนาแน่นจนเกิดปัญหานักท่องเที่ยวตกค้างนับหมื่นคนที่ภูทับเบิก ว่า จากการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมตนไปดูปัญหาและมองไปถึงอนาคตว่าจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร รวมถึงดูในเรื่องของสถานที่ที่จะต้องจัดสรรให้ถูกต้อง ซึ้งเป็นเรื่องสำคัญที่ค้องดำเนินการโดยขณะนี้มีกรมป่าไม้ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลอยู่ ขณะที่ในส่วนของตนจะดูแลในเรื่องการให้ความรู้กับท้องถิ่นก็คือหมู่บ้านชาวม้งทั้งสองหมู่บ้าน โดยต้องมีการบริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีการจัดการ อะไรที่เป็นความต้องการของนักท่องเที่ยวก็ทำไปเรื่อยๆโดยไม่มีความรู้ ดังนั้นต่อไปต้องหาผู้รู้เข้าไปพูดคุย
ทั้งนี้ อยากทำให้ภูทับเบิก เป็นต้นแบบของการแก้ปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่สูงที่มีผู้อาศัยอยู่หลานชาติพันธุ์ ให้คงความเป็นอัตลักษณ์ ให้รู้ว่าความเป็นม้งคืออะไรและความเป็นภูทับเบิกคืออะไร และต้องมีการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาจะนำต้นแบบจากหลายๆที่มาศึกษา โดยเฉพาะโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีหลายโครงการทำได้ดีมาก ซึ่งเราต้องเรียนรู้และนำมาประยุกษ์ใช้
ส่วนการบริหารจัดการทางขึ้นลงเพื่อรองรับช่วงวันหยุดยาวที่จะมาถึงนั้น ต้องมีการพูดคุยกัน โดยวันที่ 26ตุลาคมนี้ ตนจะไปพูดคุยกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังมุมมองในทุกมิติ ซึ่งแต่ละพื้นที่รับนักท่องเที่ยวได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ซึ่งในพื้นที่ทึ่แออัดต้องจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยว อย่างกรณีภูทับเบิก เกิดจากเป็นพื้นที่จำกัด มีทางขึ้นลงทางเดียวและเป็นพื้นที่การเกษตรไม่ได้มีไว้รองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก หากเราเน้นแต่ด้านการท่องเที่ยวเป็นหลักจะส่งผลกระทบไปสู่ภาคอื่นๆ จึงต้องมาคุยกันหลายส่วนเพื่อแก้ปัญหา เช่น เรื่องถนน จะขยายหรือไม่ หากไม่ควรก็ควรบริหารจัดการจำนวนรถและไม่ควรจอดรถแวะชมข้างทางเพราะทำให้รถติด อยากฝากให้นักท่องเที่ยวทุกคนเป็นเจ้าบ้านที่ดี ท่องเที่ยวอย่างมีสติ มีการเรียนรู้ก่อนจะไปเที่ยวที่ต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี