ใกล้สิ้นปีเก่า อีกแค่ 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ปีใหม่แล้ว แต่บรรยากาศบ้านเมืองก็ยังมัวซัวพิลึก ดูไม่สดใส ขาดชีวิตชีวา หาความหวังไม่ค่อยมีขนาดตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาวแท้ๆ ในเมืองกรุงยังหาความหนาวเย็นที่คนจำนวนมากเฝ้ารอสัมผัสไม่เจอ มีแต่ความร้อนรุ่ม ผิดฤดูกาล พาลให้อารมณ์ยิ่งขุ่นมัว
นี่คงเป็นเพราะปัญหาต่างๆที่ยังคงรุมเร้า โดยเฉพาะความฝืดเคืองทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วง เกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศยังลืมตาอ้าปากไม่ขึ้น พืชผลการเกษตรราคาไม่ดี ขายออกไปก็ใจหาย ซ้ำเผชิญภัยแล้งรุนแรง ยากลำบากทับถมซ้ำเติม...
นับวันเกษตรกรยิ่งร้อนใจ อยากให้รัฐบาลเร่งวันเร่งคืนแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ ขณะที่หลายคนอาจยอมรับว่า ปัญหายังต้องใช้เวลา แต่ขณะที่ปัญหาเก่ายังแก้ไม่ได้ ก็โปรดอย่าได้สร้างปัญหาใหม่มาซ้ำเติมอีกจะดีกว่า เหมือนเช่นเรื่องของพ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือกฎหมาย GMOที่ครม.ดันให้ความเห็นชอบไปเมื่อปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เตรียมเสนอสนช.-สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนเรียกแขก สารพัดกลุ่มเกษตรกรและภาคประชาสังคมออกมาแสดงท่าคัดค้านกันมากมาย
พอดีมีจดหมายผู้อ่านท่านหนึ่งชื่อ” Koduck” แสดงความคิดเห็นเสียดสีเปรียบเทียบกฎหมายนี้กับเรื่องการเมืองมา น่าสนใจดี และผมก็ติดภารกิจบางอย่าง จึงขออนุญาตทุ่นแรงอีกครั้ง ตัดทอนจดหมายฉบับนี้ในคอลัมน์วันนี้ครับ หวังว่าคงสะกิดต่อมคิดผู้มีอำนาจและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องการเมืองและเรื่องของกฎหมาย GMO ด้วย
........................................................
“การเมืองผีดิบ–พืชผีดิบ คือ ตัวการบ่อนทำลายชาติ”
การเมืองแอบอ้างประชาธิปไตยแสวงหาผลประโยชน์มาช้านาน แต่ประเทศก็ยังไม่เสียหายมากนัก แต่เมื่อระบอบทักษิณสามารถตกแต่งพันธุกรรมการเมืองให้เป็นการเมืองผีดิบ ก็สร้างความเสียหายให้ชาติมากขึ้นเรื่อยๆจากพันล้านเป็นหมื่นล้านเป็นแสนล้าน จนถึงเป็นล้านล้านบาท ทุกวันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่ปลอดภัยจากการเมืองผีดิบ เพราะแม้ว่า ระบอบทักษิณจะถูกเช็คบิลไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ตาย กลับสามารถตกแต่งพันธุกรรมให้สามารถเพิ่มการแพร่พิษได้มากขึ้นอีก และเมื่อแนวโน้มการเมืองยุคใหม่จะใช้วิธีเดิมๆคือ สลายพรรคเพื่อแม้วด้วยการตั้งขั้วการเมืองใหม่ที่รวบรวบสมาชิกผีดิบ ทั้งที่เป็นขี้ข้าเพื่อแม้วและพันธมิตรมาตั้งพรรคเทพยุคใหม่ ซึ่งเมื่อใช้กลยุทธ์นี้ การเมืองผีดิบก็ยิ่งกลายพันธุ์ให้มีความชั่วร้ายมากขึ้น การปฏิรูปประเทศไทยที่เชื่อกันว่าจะเป็นการทำลายล้างการเมืองผีดิบได้ก็ถูก“แช่แข็ง” เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นประเทศไทยก็ต้องตกอยู่กับอิทธิพลของการเมืองผีดิบต่อไป
ขณะที่ประโยชน์หรือโทษของพืชผีดิบหรือ GMO ทางชีวภาพของมนุษย์นั้น คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทราบผล แต่การบิดเบือนธรรมชาติ ย่อมมิใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง เพราะพืชและสัตว์ล้วนแต่มีการปรับปรุงพันธุกรรมให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เมื่อมนุษย์ทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ก็ทำให้มนุษย์และสัตว์ต้องปรับเปลี่ยนพันธุกรรมมากขึ้น พืชตกแต่งพันธุกรรมส่วนใหญ่ถูกทำขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการค้าทั้งสิ้น เพราะถ้าสามารถควบคุม“โซ่อาหาร”ได้ ก็เท่ากับเป็น“เจ้าของลิขสิทธิ์อาหาร” ผมมีความรู้เกี่ยวกับพืชผีดิบเพียงงูๆปลาๆ เช่นทราบว่าถั่วเหลืองที่นำมาผลิตน้ำมันถั่วเหลืองอาหารหลักของคนกรุงนั้น ถูกตกแต่งพันธุกรรมให้ทนทานต่อยาฆ่าแมลง ทำให้มียาฆ่าแมลงที่เป็นอันตรายตกค้างจำนวนมาก นอกจากนั้นเมื่อถั่วเหลืองทนทานต่อยาฆ่าแมลง ก็ทำให้แมลงมีความทนทานมากขึ้น ดังนั้นเกษตรกรก็ต้องเพิ่มปริมาณยาฆ่าแมลง ผลก็คือเกษตรกรที่ปลูกถั่วเหลืองในเมืองมะกันนั้น มีสุขภาพย่ำแย่
หันมาดูเรื่องของพืชผีดิบในประเทศไทยที่ขณะนี้ ยังไม่มีกฎหมาย แต่มีพืชผีดิบปะปนอยู่ในท้องตลาดเป็นจำนวนมากเพราะนักวิชาการเกษตรผีดิบทำตัวเฉกเช่นนักการเมืองผีดิบรับใช้บริษัทยักษ์ใหญ่ทำให้พืชที่เป็นอาหารของคนไทยวันนี้ กลายเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทไปหมดแล้ว เหมือนปลานิลที่เป็นพันธุ์ปลาที่สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิของประเทศญี่ปุ่นพระราชทานให้ในหลวงและในหลวงได้พระราชทานให้แก่คนไทย แต่ทุกวันนี้ปลานิลเป็นหมันหมด ดังนั้นถ้าต้องการเลี้ยงปลานิลก็ต้องซื้อพันธุ์ปลาจากบริษัทมาเลี้ยงโดยไม่สามารถแพร่พันธุ์ต่อได้ ต้องซื้อพันธุ์ลูกปลาทุกครั้ง เหมือนกับมะละกอ,ฟักทอง,ฟักเขียวฯ กว่าที่รัฐบาลจะรู้(เพราะไม่ได้ปลูกผักกินเอง) พืชที่เป็นอาหารของคนไทยก็เป็นหมันไปหมด และตกอยู่ในมือนายทุนกำหนด
“การเมืองผีดิบ, เกษตรผีดิบ”จึงเป็นตัวการบ่อนทำลายชาติไทย
“Koduck”
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี