‘เมืองลีงโมเดล’ตามรอยพ่อของแผ่นดิน  พัฒนาภูมิสังคมสู่สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

‘เมืองลีงโมเดล’ตามรอยพ่อของแผ่นดิน พัฒนาภูมิสังคมสู่สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

วันอังคาร ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :

ที่โรงเมืองลีงวิทยาคาร ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองลีง ร่วมกับ มูลนิธิ ณ ปัญญาสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดการแถลงข่าว และพิธีลงนามความร่วมมือโครงการเมืองลีงโมเดล-การพัฒนาภูมิสังคมสู่สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ ประสบการณ์ บทเรียน การพัฒนาภูมิสังคมในพื้นที่ และเป็นแนวทางในการดำเนินโครงการอุทยานการเรียนรู้ภูมิสังคมตำบลเมืองลีง และการนำเสนอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประชาชน นักวิชาการ นักวิจัยอาจารย์ ครู และนักเรียน เข้าร่วมงานจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังมีการปาฐกถาพิเศษ “การพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืนตามรอยพ่อ” โดย ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย สนแจ้ง ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. คณะที่ 7 และการบรรยายพิเศษ “โครงการในน้ำมีปลาในนามีข้าว” โดย ดร.ธนาวิชญ์ จินดาประดิษฐ์ ประธานกรรมการมูลนิธิ ณ ปัญญา


เมืองลีงโมเดล (Muangleeng Model) ความเป็นมา สืบเนื่องมาจาก นายประเสริฐ สุขจิต นายก อบต.เมืองลีง ดร.ณรงค์พันธ์ ฉุนรัมย์ นักเรียนทุนรัฐบาลในโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.รุ่นที่ 9) และดร.ธนาวิชญ์ จินดาประดิษ์ ประธานกรรมการมูลนิธิ ณ ปัญญา ได้ดำเนินโครงการหยดน้ำ โดยนายณรงค์ จันทร์ทอง นายอำเภอจอมพระเป็นผู้รับมอบถังน้ำขนาด 10,000 ลิตร ให้บ้านยาง ต.เมืองลีง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ในวันที่ 2 ธ.ค. 2558 และได้มอบสื่อระบบมัลติมีเดีย ชุดเติมความฝันปันปัญญา ให้โรงเรียนบ้านกรูดหนองซำ ซึ่งครูและนักเรียนให้ความสนใจมาก นอกจากนี้ คณะผู้บริหาร อบต.เมืองลีง ได้พาสำรวจพื้นที่ตำบลเมืองลีง พบว่า ประชาชนยังมีความลำบากและควรได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ดังนั้น จึงเกิดจากการรวมตัวกันของลูกหลานชาวตำบลเมืองลีง ซึ่งมีจิตอาสาอยากจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเกิด และตั้งกลุ่ม Line ชื่อว่า “เมืองลีงโมเดล” เชิญชวนเครือข่ายจิตอาสาจากนักวิชาการ คณาจารย์ ปราชญ์ชุมชน พระสงฆ์ ทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เป็น “คลังสมองขุมปัญญาของตำบลเมืองลีง” จึงได้ดำเนินโครงการเมืองลีงโมเดล : การพัฒนาภูมิสังคมสู่สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน โดยจัดแถลงข่าวและบันทึกลงนามความเข้าใจร่วมกันระหว่าง อบต.เมืองลีง กับ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน

นายประเสริฐ สุขจิต นายก อบต.เมืองลีง กล่าวว่า โครงการเมืองลีงโมเดลเป็นการเริ่มต้นของลูกหลานชาวตำบลเมืองลีง ที่ประสบความสำเร็จด้าน การงานและอาชีพ มีการร่วมตัวทางกลุ่มลาย เพื่อให้ทุกๆ คนได้เสนอความคิดเห็นของตนเองว่าการพัฒนาหน้าจะเป็นอย่างไร โดยมีดร.ณรงค์พันธ์ ฉุนรัมย์ ซึ่งเป็นลูกหลานของชาวตำบลเมืองลีง เป็นเลขานุการกลุ่ม เมืองลีงโมเดล เป็นคนคอยรวบรวม ข้อมูลเอกสารต่างๆ นำมาสู่การพัฒนา มีการกำหนดแผนการทำงาน 3 ระยะ

ระยะที่ 1 ระยะการเตรียมการ ตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค. 2558 ระยะที่ 2 จัดการแถลงข่าวและบันทึกความร่วมมือ ในเดือนม.ค. 2559 ระยะที่ 3 เดือนธ.ค. 2559 ระยะของการสรุป ติดตามและประเมินผลงาน เพื่อการพัฒนาภูมิสังคมที่มีอยู่ในตำบล จุดแข็งของตำบลเมืองลีง คือมีทุนต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นทุนของทรัพยากรมนุษย์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทุนของน้ำ ดิน ที่มีอยู่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีจุดเด่นกระจายอยู่ทั่วทั้งตำบลเมืองลีง ทั้ง 18 หมู่บ้าน

ประโยชน์สูงสุดเรามองเรื่องความยั่งยืนในคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ดดยเฉพาะเรื่องน้ำ ตำบลเมืองลีงมีลำน้ำชี เป็นแม่น้ำสายเลือดหลัก แต่ที่ผ่านมาเราใช้ประโยชน์จากลำน้ำชีได้ค่อนข้างน้อย การพัฒนาของเมืองลีงโมเดลก็จะมีแนวทางการพัฒนาคือ การผันน้ำจากลำน้ำชีขึ้นมากักเก็บในแหล่งน้ำต่างๆ ที่มีอยู่กระจายอยู่ในชุมชน เพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าแล้ง ส่วนด้านการเกษตรเราได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ที่จะเข้ามาพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนให้ด้านการพัฒนาอาชีพก็เช่นกัน มีหน่วยงานต่างๆ ที่ทำบันทึกความร่วมมือ จะเข้ามาร่วมกันพัฒนา เพราะฉะนั้นความยั่งยืนที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องชาวตำบลเมืองลีง จากนี้ไปภายใน 10 เดือน ที่จะมีการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ ตำบลเมืองลีง มี 18 หมู่บ้าน พื้นที่ 68 ตารางกิโลเมตร 2,300 ครัวเรือน มีประชากร 10,864 คน

ดร.ณรงค์พันธ์ ฉุนรัมย์ เลขานุการกลุ่มเมืองลีงโมเดล กล่าวว่า ตนเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลในโครงการพัฒนาและส่งเสริม
ผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.รุ่นที่ 9) เป็นลูกหลานชาวตำบลเมืองลีง ต้องการทดแทนแผ่นดินเกิดจึงมีการรวมกลุ่มทางไลน์ ชื่อว่า “เมืองลีงโมเดล” เมื่อช่วง 2 ธ.ค. 2558 ทางมูลนิธิ ณ ปัญญา มีโครงการหยดน้ำ นำถังน้ำขนาด 10,000 ลิตร มามอบให้หมู่บ้านยาง ต.เมืองลีงอ.จอมพระ จ.สุรินทร์ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศ

หลังจากกลับไปทำงานได้ติดต่อประสานงานผ่านกลุ่มลาย ในกลุ่มไลน์จะมีทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ คณาจารย์ธ.ก.ส. หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกๆหน่วยงานได้มาร่วมกัน โดยมีเป้าหมายว่า เราจะเดินตามรอยพ่อของแผ่นดิน ณ วันนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มของเมืองลีงโมเดล ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการพัฒนาภูมิสังคม ยึด ดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทน ที่มีฐานทรัพยากรท้องถิ่น ซึ่งตำบลเมืองลีงมีศักยภาพอยู่แล้ว จึงเป็นการร่วมกันทำงานทุกหน่วยงาน

โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ การเดินตามรอยพ่อ ตนคิดว่าสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ประชาชนชาวไทยพูดถึง
เรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง เพราะฉะนั้นตนอยากให้คนไทยทุกๆ คนได้ตระหนัก สิ่งนี้แหละคือศาสตร์ของพระราชา ที่จะทำให้โลกนี้ยั่งยืน เราต้องเริ่มต้นจากชุมชนของเราก่อน ตนอยากเชิญชวนให้ทุกคนที่จบการศึกษาในระดับสูง อยากให้ลงมาชุมชน ถิ่นฐานบ้านเกิด อยากให้มาช่วยกัน ถนัดสิ่งไหนมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตนเชื่อว่าโมเดลเล็กๆ แบบนี้จะยั่งยืน เมืองลีงโมเดลโชคดีที่มีเครือข่ายทุกองค์กร เป็นเครือข่ายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ปราชญ์ชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน นักวิชาการ และทางรัฐบาล มาร่วมกัน ตนอยากจะให้ทุกคนได้ติดตามเมืองลีงโมเดล จะมีสิ่งใหม่ๆ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ด้าน ดร.ธนาวิชญ์ จินดาประดิษ์ ประธานกรรมการมูลนิธิ ณ ปัญญา กล่าวว่าเราเห็นแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ไว้กับพวกเราคนไทย ว่าจะพัฒนาบ้านเมืองใน มิติไหน อย่างไรบ้างมูลนิธิ ณ ปัญญา ไม่ได้คิดอะไรมาแค่หยิบแนวคิดของในหลวงมา แล้วทำจริงเท่านั้นเอง ด้วยการลงไปส่งเสริม โดยมูลนิธิ ณ ปัญญา อาจจะทำไม่ได้ ต้องอาศัยการพัฒนาตามภูมิสังคม ของท้องถิ่นนั้นๆ ให้ท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วม

โดยให้การสนับสนุนด้าน เงินทุน ความรู้ความสามารถ หลักวิชาการ และเครือข่าย เข้ามาเสริมเติมเต็มให้หมดเท่าที่ทำได้อย่างเต็มที่ จุดขายของเมืองลีงโมลเดลคือ ข้าว เป็นแหล่งผลิตที่มีศักยภาพ ชาวบ้านมีส่วนด้วยด้วยความตั้งใจจริงจัง นายประเสริฐสุขจิต นายก อบต.เมืองลีง ประสงค์ประสานความร่วมมือในพื้นที่ให้ หลังจากทางมูลนิธิ ณ ปัญญา เข้ามาบริจาคถังน้ำจนกลายมาเป็นการพัฒนาท้องถิ่น สู่การพัฒนาเกษตรอินทรีย์ นำไปสู่งการเป็นโมเดลทางการเกษตรของประเทศไทยต่อไป

ธนินท์ทัศน์ ภูแก้ว

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top