ปัญหาเกษตร ที่นี่มีคำตอบ : มะม่วงหิมพานต์ พืชใช้น้ำน้อย ทนแล้ง

ปัญหาเกษตร ที่นี่มีคำตอบ : มะม่วงหิมพานต์ พืชใช้น้ำน้อย ทนแล้ง

วันอังคาร ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag :

คำถาม ผมต้องการปลูกมะม่วงหิมพานต์ครับอยากทราบขั้นตอนวิธีปลูก และการดูแลรักษาให้ได้ผลผลิตที่ดีครับ

อิทธิเจษฏ์ วงศ์สมพงษ์

อ.หลังสวน จ.ชุมพร


คำตอบ มะม่วงหิมพานต์ เป็นไม้ผลยืนต้น สูงราว 10 กว่าเมตร แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นพุ่มกว้างออกไปโดยรอบ กิ่งทอดยาว แผ่ออกข้างๆ ในกิ่งใหญ่ หรือส่วนโคนของกิ่งใหญ่ถ้าปล่อยตามธรรมชาติจะไม่มีกิ่งแขนงเกิด เป็นพืชตระกูลเดียวกับมะม่วง มีขึ้นอยู่ทั่วไปในประเทศที่มีอากาศร้อนและฝนตกชุก ไม่ผลัดใบแต่ถ้าได้ตัดแต่งก็จะมีกิ่งแขนงแตกตามที่ต้องการได้ เป็นพืชทนแล้ง และราคาดี


หลักในการคัดเลือกพันธุ์ ต้องเป็นพันธุ์ที่เมล็ดใหญ่ จำนวนเมล็ดต้องไม่เกิน 150 เมล็ด/กิโลกรัม เป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงประมาณ
20 กิโลกรัม/ต้น/ปี เป็นพันธุ์ที่ต้านทานต่อโรคและแมลงได้ดี และเป็นพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสม่ำเสมอทุกปี

การขยายพันธุ์ สามารถขยายพันธุ์ได้ 2 แบบ คือ

1.การเพาะเมล็ด โดยคัดเลือกพันธุ์ดีที่มีคุณสมบัติเด่น ได้แก่ ทรงพุ่ม แข็งแรง กิ่งก้านแน่นหนา ออกดอกดก ผลดกมากกว่า 30
ผลต่อช่อ ผลผลิตเมล็ดสูง เมล็ดขนาดกลาง เปลือกบาง ไม่มีน้ำมัน เปอร์เซ็นต์เมล็ดหลังกะเทาะสูง สำหรับเมล็ดที่จะใช้ในการเพาะเมล็ด จะต้องเป็นเมล็ดขนาดกลาง รูปร่างเมล็ดดี จะเป็นเมล็ดที่งอกได้ก่อน เปอร์เซ็นต์การงอกสูง และต้นอ่อนแข็งแรง ช่วงที่เก็บเมล็ดอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน และเพาะได้ในเดือนมิถุนายน เมื่อเริ่มมีฝนตก

วิธีการเพาะเมล็ด นำเมล็ดที่คัดเลือกมาแช่น้ำ 1 คืน แล้วเพาะในถุงพลาสติกขนาด 5x8 นิ้ว ที่บรรจุเตรียมดินไว้ โดยกลบเมล็ดด้านเว้าลง กลบดินปิดเมล็ดลึก 2-2.5 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่มและคอยดูแลรดน้ำทุกวัน เมล็ดจะงอกในระยะเวลาประมาณ 15-20 วัน เมื่อต้นอ่อนอายุ 6-8 สัปดาห์ ก็สามารถย้ายปลูกลงในแปลงได้

2.การขยายพันธุ์แบบใช้กิ่ง ทำได้หลายวิธี เช่น การตอน การติดตา การเสียบข้าง และการเสียบยอด การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ สามารถทำให้คงลักษณะดีเหมือนพ่อแม่ได้ ให้ผลผลิตเร็ว และผลผลิตสูงกว่าต้นที่ปลูกจากเมล็ด

วิธีที่นิยมที่สุดคือ การเสียบข้าง มีขั้นตอนคือปลูกต้นตอให้ขนาดโตกว่าแท่งดินสอ กรีดเปลือกเป็นรูป ก แล้วลอกเปลือกออก เลือกยอดพันธุ์ดี ลักษณะยอดมีสีน้ำตาล ใช้มีดตัดใบและก้านออกให้หมด ใช้มีดที่คมและสะอาดปาดยอดทั้งสองด้าน แผลที่ปาดต้องเรียบและสม่ำเสมอ ทำการเปิดเปลือกแล้วเอายอดพันธุ์ดีเสียบ พันด้วยแผ่นพลาสติกให้มิดยอด ประมาณ 20-30 วัน หากยอดยังเขียวอยู่ให้เปิดพลาสติกออกพร้อมกับตัดกิ่งต้นตอออกครึ่งหนึ่ง เมื่อยอดแตกใบและกิ่งได้ 5-10 ใบ ให้ตัดต้นตอเดิมเหนือรอยแผลเปลี่ยนยอดออก

การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยในระยะ 6 เดือนแรกหลังปลูก เมื่อต้นตั้งตัวได้ ควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักตามสมควร จะทำให้เจริญเติบโตได้เร็วมาก ส่วนปุ๋ยเคมี ควรใส่ปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกใส่ต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายน ครั้งที่ 2 ใส่ประมาณปลายเดือนกันยายน-ธันวาคม

วิธีการใส่ปุ๋ยต้นที่มีอายุประมาณ 3-4 ปี ขึ้นไป ควรพรวนดินตื้นๆ เป็นวงแหวนรอบบริเวณรัศมีของทรงพุ่ม ไม่ควรพรวนดินลึกเข้าไปภายในทรงพุ่ม เพราะกระทบกระเทือนระบบรากแบ่งจำนวนปุ๋ยที่จะใส่ออกเป็น 4 ส่วน ใส่ปุ๋ยบริเวณรอบทรงพุ่ม ตรงบริเวณที่พรวน ประมาณ 3 ส่วน อีก 1 ส่วน โรยบนพื้นภายในทรงพุ่ม แต่ควรระวังอย่าใส่ปุ๋ยให้ชิดกับโคนต้น เพราะปุ๋ยจะทำให้เปลือกของลำต้นเน่า และจะทำให้ตายได้ หลังจากใส่ปุ๋ยแล้ว ควรรดน้ำด้วย เพื่อให้ปุ๋ยละลายแทรกซึมลงไปในดิน รากจะใช้ได้ทันที ที่สำคัญคือ ควรมีกำจัดวัชพืชก่อนการใส่ปุ๋ย ดินควรมีความชื้นก่อนการใส่ปุ๋ย และควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก โดยไม่จำกัดจำนวนที่ใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมี

การตัดแต่งกิ่ง ทำในในช่วง 1-2 ปี หลังปลูก จะเป็นตัวบังคับต้นและกิ่งที่ต้องการให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นระเบียบ ควรตัดแต่งให้เหลือลำต้นเพียงลำเดียว เมื่อต้นโตขึ้น ให้ตัดกิ่งแขนงสูงจากดินขยับขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้สะดวกในการปฏิบัติงาน ให้เลือกตัดแต่งกิ่งแขนงเล็กที่ใบไม่ถูกแสง กิ่งที่โดนโรคแมลงทำลาย รวมทั้งทรงพุ่มที่เกิดชิดและชนกันระหว่างต้น

วิธีการเก็บเกี่ยว  ปกติจะเริ่มให้ผลผลิตปีที่ 3 โดยจะเริ่มออกดอกประมาณเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ หลังจากดอกบาน ประมาณ 2 เดือน ผลจะเริ่มแก่และเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม โดยจะมีผลผลิตมากที่สุดเดือนมีนาคม-เมษายน การเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง ควรปล่อยให้ผลแก่เต็มที่แล้วร่วงหล่น จึงเก็บเกี่ยวผลเอาที่พื้น ไม่ควรเก็บบนต้น เพราะจะได้เมล็ดอ่อนที่ไม่แก่เต็มที่เมื่อเก็บมาแล้วให้บิดเมล็ดออกจากผลทันที เพื่อป้องกันเชื้อราเข้าทำลายเมล็ด

ที่สำคัญคือ การเก็บรักษา ควรนำเมล็ดไปตากแดด 2-3 วัน ให้เมล็ดแห้งสนิท โดยเก็บรักษาไว้ในพื้นห้องที่แห้ง ถ้าเป็นพื้นที่มีความชื้นสูง ควรมีพัดลมดูดอากาศ อาจเก็บไว้ในกระสอบ หรือเทกองก็ได้ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อเมล็ด เช่น เกิดเชื้อรา เสียรสชาติ เกิดกลิ่นเหม็นหืน

นาย รัตวิ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top