กล่อมไม่สำเร็จ
‘ดร.’ปืนดุยิงหัวตัวเอง
หลังตร.ล้อมจับนานกว่า5ชม.
เรียกสอบพยานฆ่า2ดอกเตอร์
อธิการฯบอกขัดแย้งเรื่องวุฒิฯ
ที่ สน.บางเขน เมื่อเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวรรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) และคณะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดี ที่ ดร.วันชัย ดนัยตโมนุท อายุ 60 ปี อาจารย์ประจำวิทยาลัยการฝึกหัดครู สาขาการบริหารการศึกษา หลักสูตรปริญญาโท มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ยิง ผศ.ดร.พิชัย ไชยสงคราม อายุ 56 ปี ประธานสาขาวิชาบริหารการศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย และดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี 54 ปี ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เสียชีวิตอยู่ภายในห้องเลขที่ 502 ชั้น 5 อาคารเรียนรวมและศูนย์วัฒนธรรม พุทธวิชชาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เหตเกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังก่อเหตุฆาตกรรมดร.วันชัย ขับรถเก๋งส่วนตัวหลบหนีไป
โดยทาง ผบก.น.2 เผยว่าคดีนี้ เบื้องต้นได้สอบไปแล้ว 3 ปากคือ นักศึกษาที่อยู่ในห้องทั้ง 2 คน และอาจารย์ ที่เห็นเหตุการณ์อีก 1 ท่าน นอกจากนี้จะเข้าไปตรวจสอบในสถานที่เกิดเหตุอีกหน ในขณะที่ทาง รรท.ผบช.น.เผยว่า ฝ่ายสืบสวนกำลังติดตามตัวผู้ต้องหาอยู่
ต่อมาเวลา 12.00 น. รศ.พงศ์ หรดาล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร เดินทางเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.บางเขนโดยระบุแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนสาเหตุความขัดแย้งในครั้งนี้ รศ.พงศ์ กล่าวว่ายังไม่ทราบแน่ชัด แต่ก่อนหน้านี้เกือบ 1 ปี เคยเรียก ดร.วันชัย ผู้ต้องหา และดร.พิชัย ผู้ตาย เข้าพูดคุยเพื่อยุติปัญหา เนื่องจาก ดร.วันชัยนำเอกสารวุฒิการศึกษา การจบปริญญาเอกจากประเทศฟิลิปปินส์ของดร.พิชัย ซึ่งอ้างว่าเป็นวุฒิที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ สกอ. แต่ได้ตรวจสอบอีกครั้งพบว่าวุฒิดังกล่าวได้รับการรับรองแล้ว จากนั้นก็ไม่ได้พูดคุยกับทั้งคู่อีก กระทั่งเกิดเหตุขึ้น แต่ไม่ทราบว่ามีความขัดแย้งเรื่องอื่นอีกหรือไม่
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ยืนยันว่า ในส่วนดร.ณัฐพล ผู้ตายอีกคน ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ส่วนความสัมพันธ์ของทั้งสามคนพบว่าเป็นคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนร่วมกัน ซึ่งจะมีการปรับปรุงหลักสูตรทุกปี ขณะเดียวกัน ทางมหาวิทยาลัยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับดร.วันชัย ส่วนจะสั่งให้ออกจากราชการหรือไม่ ต้องดูข้อกฎหมาย ที่รองรับด้วยสำหรับนายวันชัยทำงานในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครเป็นเวลากว่า 12 ปีแล้ว
ต่อมานายเฮง (สงวนชื่อนามสกุล) คนใกล้ชิด ดร.วันชัย ผู้ต้องหาได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวน โดยระบุ มีความที่ดร.วันชัยส่งถึงนายเฮงว่า “เฮียเฮง ผมขอกราบลา หากผมตายไปขอให้เอาศพไปสวดสามวันี่วัดแถวบ้านเฮียี่ลำลูกกาแล้วเผา”
บ่ายวันเดียวกันที่ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ครอบครัวและลูกศิษย์ของ ดร.ณัฐพล ชุมวรฐายี และ ผศ.ดร.พิชัย ไชยสงคราม เดินทางมารับศพทั้ง 2 คนกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา
ส.อ.เกริกยศ คำพิทักษ์ อายุ 31 ปี ลูกศิษย์ของ ดร.ณัฐพล กล่าวว่า อาจารย์เป็นคนใจดี ช่วยเหลือและให้คำปรึกษาลูกศิษย์เวลามีปัญหาเสมอ จึงมีลูกศิษย์รักมาก และยังเป็นผู้ตั้งหลักสูตร สาขาวิชาการบริหารและพัฒนาเมืองขึ้นมา ทั้งยังถ่ายทอดความรู้อย่างเต็มที่ เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นจึงรู้สึกแปลกใจ เพราะที่ผ่านมา ดร.ณัฐพล ไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร ส่วนดร.วันชัย ดนัยตโมนุช ผู้ก่อเหตุเป็นหนึ่งในอาจารย์ที่เคยสอนตนนั้น ปกติเป็นคนค่อนข้างสุขุมและมีบุคลิกเหมือนอาจารย์ทั่วไป
ขณะที่นายอรรถพงศ์ ชุมวรฐายี อายุ 50 ปี ครูโรงเรียนคลองทวีวัฒนา กทม. น้องชายของดร.ณัฐพล เปิดเผยว่า พี่ชายเป็นคนจิตใจดี อัธยาศัยดี ร่าเริง ตรงไปตรงมา เป็นที่รักของลูกศิษย์ สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวประมาณ 10 ปี ก่อนเกิดเหตุไม่เคยพูดถึงเรื่องหรือปัญหาใดๆ หลังจากนี้จะรับศพพี่ชายไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด เลขที่ 15/1 หมู่ 4 ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร โดยจะตั้งสวดบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 7 วัน อย่างไรก็ตามเบื้องต้นได้ยังได้จัดพิธีรดน้ำศพที่ห้องประกอบพิธีทางศาสนา ภายในสถาบันนิติเวช เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณ และร่ำลาเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนศพของดร.พิชัย ทางครอบครัวจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ศาลา 4
ด้านการติดตามตัวผู้ต้องหา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 12.30 น. ชุดสอบสวนได้ตรวจสอบดร.วันชัย ดนัยตโมนุท ผู้ต้องหารายนี้ พบว่าได้หลบหนีเข้าไปพักอยู่ที่ โรงแรมสุภาพ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย 1 แยกสะพานควาย โดยช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ก็กำลังจะเช็คเอ้าท์ ออกจากโรงแรมแห่งนี้ จึงนำกำลังเข้าไปยังบริเวณโรงแรม กระทั่งพบ ดร.วันชัย ที่บริเวณลานจอดรถ ซึ่งทันทีที่ ดร.วันชัย พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงรีบเข้าไปในรถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน สีน้ำตาล ทะเบียน ฆน 3398 กรุงเทพมหานคร แต่ทางตำรวจได้พยายามเกลี้ยกล่อม จนทาง ดร.วันชัย ยอมลงมาจากรถ แต่หยิบเอาอาวุธปืนขึ้นมาจี้ที่ขมับขวาของตัวเองไว้ตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ ดร.วันชัย ยังคงใช้ปืนจ่อศีรษะ นั้น ก็มีท่าทางที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานก็กลับเข้าไปนั่งในรถยนต์ สลับกับออกมายืนใช้อาวุธปืนจี้ขมับอีกครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ และบรรดาคนสนิท ยังคงใช้โทรโข่งเป็นเครื่องขยายเสียงในการเกลี้ยกล่อม มีการนำขวดน้ำดื่ม ส่งไปให้กับทาง ดร.วันชัย เป็นระยะๆ มี พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2นำทีมเกลี้ยกล่อม ให้มอบตัว และพูดว่า “อาจารย์อย่าทำอะไร อาจารย์เคยสอนผม อาจารย์จำได้มั้ย” พร้อมติดตามครอบครัวญาตสนิทผู้ต้องหามาเจรจา โดยมี เฮียเฮง ถือโทรโข่งช่วยเจรจาอยู่ด้วย ต่อมามีอาจารย์ ม.ราชภักฎและลูกศิษย์หลายคนรวมทั้ง มารดา และภรรยา ผู้ต้องหามาช่วยเจรจาสมทบ
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมากว่า 5 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมวางปืน แต่ทุกฝ่ายก็ไม่ได้ลดความพยายามในการเจรจา ทั่งปรบมือให้ ดร.วันชัย วางปืนมอบตัวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นมารวมทั้งกันสื่อมวลชนออกไปนอกจุดเกิดเหตุ ขณะเดียวกัน มีหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือคอมมานโด และหน่วยหรินทราช 26 ได้กระจายกำลังกันไปบริเวณโดยรอบโรงแรมสุภาพ รวมทั้งประสานงานขอรถพยาบาลไว้ด้วย
กระทั่งเวลา 18.43น.มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทราบว่า ดร.วันชัย ผู้ต้องหารายนี้ได้ตัดสินใจใช้อาวุธปืนสั้นยิงหัวตัวเองล้มฟุบลง โดยเจ้าหน้าที่ได้กรูกันนำร่างของ ดร.วันชัย ขึ้นรถปอเต็กตึ้ง ส่งโรงพยาบาลเปาโล เพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน ในขณะที่ครอบครัวลูกศิษย์ของ ดร.วันชัย กอดกันร้องไห้
ด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น.เผยว่าตำรวจทำดีที่สุดแล้วไม่ได้กดดันอะไร ปล่อยให้ลูกศิษย์ครูอาจารย์เขาคุยกันแต่เกิดเหตุไม่คาดขวัญขึ้นมา ขอแสดงความเสียใจกับทุกฝ่ายขอให้ท่านไปสู่ที่สุข
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี