วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ทพ.อำนวย สันติวิภานนท์ ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมช่องปาก,ใบหน้าและรากเทียมรพ.ยันฮี เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้วงการทันตกรรมในประเทศไทยมีความทัดเทียมกับนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญ หรือความชำนาญของทันตแพทย์ โดย การรักษารากฟันเทียมกำลังเป็นที่นิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศเนื่องจากสามารถนำมาใช้ทดแทนการทำฟันปลอมและมีความสวยงามเสมือนฟันแท้ โดยข้อดีของการทำรากฟันเทียมคือลดปัญหาฟันปลอมหลวมจากการใช้งานไปนานๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้นสามารถพูดออกเสียงได้ถนัดชัดเจนลดความรำคาญจากการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
ทพญ.สิริวรรณ ตันจันทร์พงศ์ ทันตแพทย์เฉพาะทางใส่ฟันและรากเทียม รพ.ยันฮี กล่าวว่า สำหรับวัสดุที่ใช้ในการทำรากฟันเทียมนั้น ทำจากโลหะที่เรียกว่า ไทเทเนียม เพราะเป็นวัสดุที่ร่างกายยอมรับ โดยไทเทเนียมจะมีลักษณะเป็นทรงกระบอกคล้ายสกรู โดยการรักษาเริ่มแรกแพทย์จะทำการตรวจช่องปากพร้อมกับถ่ายภาพ X-RAY เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพกระดูกและฟันของคนไข้ แล้ววางแผนการรักษาโดยทั่วไปแล้ว จะมีด้วยกัน3 ขั้นตอนหลักคือ1.การฝังรากเทียม 2.การใส่เดือยรองรับครอบฟัน 3.การใส่ครอบฟัน รวมระยะเวลาที่ใช้ในการทำรากฟันเทียมประมาณ 2-3 เดือนในบางรายอาจใช้เวลาถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างกระดูกและฟันของคนไข้
“ในปัจจุบันมีลูกค้าที่สนใจมาทำรากฟันเทียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมามีผู้มารับบริการทั้งคนไทยและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งฝีมือทันตแพทย์ไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมากขึ้น โดยทางรพ. ยันฮีมีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางทุกสาขา และสามารถทำการผ่าตัดฝังรากเทียมภายใต้การดมยาสลบได้ซึ่งในแต่ละปี ศูนย์ทันตกรรมจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มีงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องมือทางทันตกรรมและมีการขยายห้องตรวจทันตกรรมอย่างน้อยปีละ 50 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตของการรักษารากฟันเทียมปีละ 15%”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี