24 มิ.ย.59 นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า ตนพร้อมด้วย นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เข้าหารือกับ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง , พระราชวิสุทธิเวที เจ้าคณะภาค 1 และพระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ที่กุฏิของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ โดยสมเด็จพระพุทธชินวงศ์รับปากว่าจะเข้ามาช่วยเจรจาปัญหาวัดพระธรรมกาย ว่า เรื่องนี้มีการหารือร่วมกับพระผู้ใหญ่หลายครั้งแล้ว และที่ผ่านมาตนก็ได้ให้นายพนม เป็นผู้ไปพูดคุย แต่เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนไปร่วมงานสวดมนต์ ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่จัดขึ้นที่วัดพิชยญาติการาม ตนจึงได้ถือโอกาสไปกราบและพูดคุยกับท่าน
"ความจริงสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ได้เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ออกปากอะไร และที่คุยกันนั้นก็เพื่อหาทางออก หาทางพูดคุยให้ได้ข้อยุติ ไม่ทำให้เกิดการขยายตัว หรือไม่ต้องการให้มีความขัดแย้งมากไปกว่านี้ เจ้าคุณสมเด็จท่านได้ขอปวารณาตัวท่านเองว่าจะเข้ามาช่วย ซึ่งผมถือว่าเป็นความเมตตาของท่านเจ้าคุณสมเด็จฯ ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองสูงสุดของหนกลาง ส่วนจะมีอะไรที่ต้องดำเนินการต่อไปนั้นผมคิดว่าจะต้องมีกระบวนการพูดคุยกันอีกสักรอบหนึ่งว่าจะอย่างไร อะไรที่พอเหมาะพอควร แต่เมตตาที่ท่านฯให้มานั้นผมคิดว่าเป็นกุญแจที่จะไขไปสู่ประตูที่จะออกมาว่ามีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และผมขอเรียนว่า คณะสงฆ์นั้นยึดมั่นในหลักการของกระบวนการยุติธรรมและพระธรรมวินัย เพราะจากที่หารือกับพระสงฆ์ทุกรูปต่างเห็นตรงกันหมดว่าเคารพกระบวนการยุติธรรม และท่านเจ้าคุณพูดกับผมว่า อะไรที่จะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยท่านยินดี ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้คือความก้าวหน้าที่สำคัญ เป็นประตูที่จะไปต่อได้" นายสุวพันธุ์ กล่าว
นายสุวพันธุ์ กล่าวต่อว่า ในการพูดคุยนั้นยังไม่ได้เป็นรูปธรรมว่าท่านเจ้าคุณจะช่วยด้วยวิธีใด แต่การที่ท่านเมตตาในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีความซับซ้อน มีเหตุปัจจัยหลายเรื่อง ทั้งข้อกฎหมาย ระเบียบ พระวินัย พ.ร.บ.สงฆ์ เรื่องการปกครอง ความเคารพนับถือกัน ดังนั้น จึงต้องมีกระบวนการในการพูดคุยอีกสักรอบหนึ่ง เป็นเหมือนกระบวนการทั่วๆ ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมเด็จฯ ได้ชี้แนะแนวทางสำหรับแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ท่านยึดหลักว่าต้องการเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ต้องการเห็นความขัดแย้ง และท่านต้องการเห็นทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเห็นของคณะสงฆ์ ทั้งนี้ เพื่อให้บ้านเมืองสงบ
เมื่อถามว่า มีการพูดย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2542 เมื่อครั้งที่สมเด็จวัดชนะสงคราม ระบุว่า ถ้าพระธัมมชโย ไม่มอบตัวจะปลดผ้าเหลืองเพื่อเปรียบเทียบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้พูด และผมไม่มีความเห็นเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวผมมองว่า ปี 42 กับ 58 นั้น บริบทคนละเรื่องกัน ผ่านมา 16 ปีมาแล้ว ประวัติศาสตร์ก็เป็นบทเรียน เป็นที่เรียนรู้ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องนำบริบทของโลกปัจจุบันนี้มาดูด้วยว่าจะเป็นอย่างไร แล้วต้องเลือกวิธีการที่จะดำเนินการอย่างไร โดยมีจุดหมายปลายทางคือ ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย ทำชาติบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย ความขัดแย้งไม่ขยายตัวไปอีก ซึ่งตนคิดว่านี่คือเรื่องสำคัญสำหรับบ้านเมืองของเราใน พ.ศ.นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี