นายพินิจ เขียวพุ่มพวง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 (สวพ.2)
กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ปัจจุบันการปลูกมันฝรั่งเพื่อส่งเข้าโรงงานมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกปี โดยความต้องการวัตถุดิบเพื่อป้อนโรงงานมีปริมาณสูงถึง 10,300 ตัน/เดือน ซึ่งปริมาณผลผลิตในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนของปีค่อนข้างเพียงพอต่อความต้องการของโรงงาน แต่ช่วงครึ่งปีหลังมักขาดแคลน เพราะสภาพแวดล้อมในฤดูฝนทำให้เกิดโรคใบไหม้จากเชื้อรา Phytophthora ส่งผลให้ผลผลิตต่ำหรือไม่ให้ผลผลิตเลย
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 750 เมตร อากาศเย็นตลอดปี ที่ไม่เหมาะกับการระบาดของโรค ทำให้พื้นที่ อ.พบพระ เป็นแหล่งผลิตมันฝรั่งที่สำคัญเพียงแหล่งเดียวที่สามารถผลิตในฤดูฝน โดยมีพื้นที่การผลิตถึง 10,000 ไร่ในปีที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก จึงดำเนินโครงการขับเคลื่อนผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งโรงงานคุณภาพ เพื่อนำผลงานวิจัยเกี่ยวกับมันฝรั่งเผยแพร่ให้เกษตรกร ไปปรับใช้ในการผลิตมันฝรั่งคุณภาพให้ได้ผลผลิตตรงตามต้องการของตลาด และลดต้นทุนการผลิต โดยดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชน ได้แก่ บริษัทเป๊บซี่-โคล่า เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์ ฟู้ดส์ จำกัด
ทั้งนี้ การดำเนินการแบ่งเป็น 3 กิจกรรม ได้แก่ การให้บริการวิชาการ การจัดทำแปลงต้นแบบ และการจัดทำแปลงศูนย์เรียนรู้ มีการอบรมภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแก่เกษตรกรและเจ้าหน้าที่บริษัทที่ร่วมโครงการ 36 ราย พร้อมจัดหาเกษตรกรเพื่อเป็นต้นแบบจัดทำแปลงผลิตมันฝรั่งโดยใช้วิธีการแนะนำของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ การเตรียมดิน การวิเคราะห์ดิน การผ่าหัวพันธุ์ ระยะปลูก และการใส่ปุ๋ย มีเกษตรกรเข้าร่วม 4 ราย แบ่งเป็นพื้นที่ อ.แม่สอด
1 ราย อ.พบพระ 3 ราย เมื่อสิ้นสุดโครงการพบว่า ในแปลงต้นแบบที่ปฏิบัติตามคำแนะนำให้ปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 และมีเปอร์เซ็นต์แป้งมากกว่าวิธีการผลิตโดยทั่วไปร้อยละ 22 และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 20 จากค่าหัวพันธุ์ และปุ๋ยเคมี ซึ่งเกษตรกรและบริษัทพึงพอใจต่อผลที่ได้
อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก ได้นำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมันฝรั่งโรงงานเข้าดำเนินการในพื้นที่ อ.พบพระ อีกครั้ง ในแปลงเกษตรกรต้นแบบ 4 ราย โดยนำหัวพันธุ์ที่ผลิตโดยกรมวิชาการเกษตรเข้ามาใช้กับแปลงเกษตรกรต้นแบบ เพื่อเป็นแนวทางในการลดการนำเข้าหัวพันธุ์จากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพง และเป็นการลดต้นทุนการผลิตอีกทางหนึ่งให้กับเกษตรกรด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี