วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
รายงานพิเศษ : สวพ.2แนะเทคนิคการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้อง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช

รายงานพิเศษ : สวพ.2แนะเทคนิคการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้อง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช

วันจันทร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag : เทคนิคการใช้ปุ๋ย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืช สวพ.2
  •  

ในขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ และรัฐบาลก็ไม่มีนโยบายเกี่ยวกับการประกันราคา ทางรอดของเกษตรกรจึงมีอยู่ทางเดียว คือ ต้องเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง และวิธีการหนึ่งที่สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นได้อย่างเด่นชัดและแน่นอน คือ การใช้ปุ๋ยอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เพราะในปัจจุบันเกษตรกรส่วนมากยังใช้ปุ๋ยไม่ถูกสูตร ไม่ถูกเวลา และปริมาณไม่ถูกต้อง ทำให้ได้ผลผลิตต่ำและมีต้นทุนการผลิตที่สูง

นายวีรวัฒน์ นิลรัตนคุณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผลิตพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้กล่าวว่า การที่เกษตรกรจะใช้ปุ๋ยได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ในเบื้องต้นเกษตรกรจะต้องมีความรู้เรื่องปุ๋ย สูตรปุ๋ย ธาตุอาหารและหน้าที่ของธาตุอาหารพืช การใช้ปุ๋ยให้ถูกสูตร ถูกเวลา ถูกวิธีและถูกปริมาณ และสุดท้ายการผสมปุ๋ยใช้เอง โดยมีรายละเอียดดังนี้


ปุ๋ย หมายถึง วัตถุหรือสารที่ใส่ลงในดิน หรือพ่นทางใบ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืช และพืชนำไปใช้ประโยชน์ได้

สูตรปุ๋ย ก็คือ ตัวเลข 3 ตัวที่มีขีดคั่นระหว่างตัวเลข เพื่อแสดงถึงปริมาณธาตุอาหารที่รับรองว่ามีอยู่ในปุ๋ยตามกฎหมาย โดยตัวเลขจะหมายถึงร้อยละโดยน้ำหนักของธาตุอาหารไนโตรเจน (เอ็น) ฟอสฟอรัส (พี) และโพแทสเซียม (เค) ตามลำดับ ไม่มีการสลับที่ เช่น ปุ๋ยสูตร 16-20-0 หมายความว่า ปุ๋ยน้ำหนัก 100 กิโลกรัม มีธาตุอาหารเอ็น 16 กิโลกรัม พี 20 กิโลกรัม และ เค 0 กิโลกรัม ดังนั้น ปุ๋ยสูตร 16-20-0 หนึ่งกระสอบ ซึ่งมีน้ำหนัก 50 กิโลกรัม จะมีธาตุเอ็น 8 กิโลกรัม พี 10 กิโลกรัม และไม่มีเค อยู่เลย

นอกจากปริมาณธาตุอาหารเอ็น พี เค ที่มีอยู่ในสูตรปุ๋ยแต่ละสูตรแล้ว เกษตรกรควรจะต้องรู้จักหน้าที่ของธาตุอาหารที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชด้วย กล่าวคือ ธาตุอาหารเอ็น จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตและตั้งตัวได้ไว โดยเฉพาะในระยะแรกของการเจริญเติบโต การเจริญของลำต้น ใบ ทำให้ต้นและใบมีสีเขียว ควบคุมการออกดอก ติดผล เพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยเฉพาะพืชกินใบและต้น ส่วนพี จะช่วยกระตุ้นการสร้างรากในช่วงแรกของการเติบโต การตั้งตัวของพืช การแตกกอ การสร้างตาดอกและเมล็ด ขยายขนาดเมล็ด และการสุกแก่ ในขณะที่เค ช่วยในการดูดน้ำและอาหาร และขนส่งไปส่วนต่างๆ ของลำต้น ทำให้พืชแข็งแรง ต้านทานโรค กระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง ช่วยการสะสมอาหาร เพิ่มน้ำหนักและคุณภาพของผลผลิต

นายวีรวัฒน์ นิลรัตนคุณ ยังได้แนะนำวิธีการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญที่เกษตรกรควรทราบและนำไปปฏิบัติ ประกอบด้วย 1) ถูกสูตร คือการใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักให้ครบ 2) ถูกเวลา คือใส่ปุ๋ยให้ทันกับความต้องการของพืช จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด 3) ถูกวิธี ใส่แล้วกลบ หรือใส่เมื่อดินมีความชื้นพืชได้รับปุ๋ยเต็มที่ ลดการสูญเสีย และ 4) ถูกปริมาณ ให้มีปริมาณธาตุอาหารให้พอเพียงกับความต้องการของพืช โดยแต่ละวิธีมีรายละเอียดดังนี้

1) ถูกสูตร การใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารเอ็น พี เค ครบทั้ง 3 ตัว เพราะธาตุอาหารแต่ละตัวไม่สามารถทำหน้าที่ทดแทนกันได้ และถ้าใส่ครบทั้ง 3 ตัว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละตัวให้ดีขึ้น

2) ถูกเวลา การใส่ปุ๋ยให้ทันต่อการเจริญเติบโต หรือทันกับความต้องการของพืชจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยทั่วไปในพืชล้มลุก เช่น พืชไร่หรือพืชผัก จะแบ่งใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ใส่ปุ๋ยรองพื้นพร้อมปลูก โดยใส่ปุ๋ยเอ็นครึ่งหนึ่งของคำแนะนำ ปุ๋ยพีใส่รองพื้นครั้งเดียวทั้งหมด ส่วนปุ๋ยเคจะใส่รองพื้นครั้งเดียวทั้งหมดหรือแบ่งใส่ 2 ครั้งก็ได้ ครั้งที่ 2 เมื่อพืชมีอายุประมาณ 25-30 วัน หรือพร้อมกับการกำจัดวัชพืช โดยใส่เฉพาะเอ็น และเค ที่เหลือ

เหตุผลที่ต้องแบ่งใส่ปุ๋ยเอ็น 2 ครั้ง เนื่องจากพืชต้องการใช้เอ็นตลอดระยะเวลาการเจริญเติบโต และสูญเสียไปกับน้ำได้ง่าย จึงควรแบ่งใส่เท่าๆ กัน ในขณะที่ปุ๋ยพี พืชต้องการใช้ในการสร้างราก การตั้งตัว การแตกกอ การสร้างรวงและเมล็ด โดยพืชจะค่อย ๆ ดูดไปสะสมในลำต้นและใบก่อนนำไปใช้ ในขณะเดียวกันปุ๋ยพีเคลื่อนย้ายได้น้อยและสะสมในดิน จึงไม่ต้องห่วงว่าจะสูญเสียไปกับน้ำ ดังนั้นจึงควรใส่ปุ๋ยพีให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันใช้ โดยใส่ครั้งแรกทั้งหมดครั้งเดียว ในส่วนของปุ๋ยเค พืชต้องการมาก สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง จึงควรใส่ปุ๋ยเคให้เร็วที่สุด โดยใส่ครั้งแรกทั้งหมดครั้งเดียวพร้อมกับปุ๋ยพี หรือแบ่งใส่ 2 ครั้ง เท่าๆ กัน

3) ถูกวิธี คือใส่แล้วกลบ ทำให้พืชได้รับปุ๋ยเต็มที่ ลดการสูญเสียจากระเหิด ในการใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ถ้าไม่สามารถกลบได้ให้ใส่เมื่อดินมีความชื้น

4) ถูกปริมาณ ใส่ปุ๋ยให้มีปริมาณธาตุอาหารเอ็น พี และ เค เพียงพอกับความต้องการ โดยใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน หรือตามคำแนะนำของกรมวิชาการเกษตร การใส่ปุ๋ยไม่เพียงพอกับความต้องการของพืชไม่สามารถยกระดับผลผลิตของพืชให้สูงขึ้นได้

การผสมปุ๋ยใช้เอง โดยการนำแม่ปุ๋ยสูตร 46-0-0, 18-46-0 และ 0-0-60 มาผสมกันให้ได้ปริมาณธาตุอาหารตามที่ต้องการ นอกจากจะทำให้เกษตรกรสามารถใส่ธาตุอาหารได้ตรงตามปริมาณที่พืชต้องการแล้ว การผสมปุ๋ยใช้เองยังช่วยให้ประหยัดค่าปุ๋ยลงได้อย่างน้อย 20-30% เมื่อเทียบกับการใช้ปุ๋ยสูตร ช่วยลดแรงงานค่าใส่ปุ๋ย และลดค่าขนส่งได้อีกด้วย

สัปดาห์นี้ของกระทรวงเกษตรฯ ต้องบอกว่าเป็นอีกสัปดาห์ของการขับเคลื่อน ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ซึ่งช่วงนี้ถือเป็นช่วงเทศกาลการขับเคลื่อนครั้งใหญ่ ทั้งระบบ ก็ว่าได้  โดยเรื่องแรกที่ชาวกระทรวงเกษตรฯ ถามกันหนาหูก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ของกระทรวงเกษตรฯ  เพราะงานนี้มีการเกษียณอายุราชการกว่า 11 ตำแหน่ง แว่วว่า ท่านๆ ผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรฯ บอกว่าจะเสนอ  ครม. ในสัปดาห์นี้ ส่วนจะเอาอย่างไร หรือจะเข้าครม. จริงหรือไม่ ต้องรอดูในอังคารนี้ ที่สำคัญงานนี้ ยังแว่วว่า บางกรมมีผู้บริหารถูกเรื่องร้องเรียนบางเรื่อง ไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี และอาจมีสิทธิ์โดนโยกก่อนเพื่อนไปนั่งในตำแหน่งพิเศษแถวทำเนียบก่อนใคร ซึ่งหากเป็นดังนั้น ต้องบอกว่าฟ้ามีตาจริงๆ...สาธุ

จากนี้ไปคงต้องรอดูอย่างใจจดใจจ่อของคนแต่ละกรมว่าจะมีนายใหม่เป็นใคร เพราะเรื่องของการทำงานจากนี้ไป คงขึ้นอยู่กับฝีมือคนคัดเลือกว่าจะเอาใคร มานั่งกุมบังเหียนแต่ละกรม ต้องฝากไว้ในมือของ  3 อรหันต์ กระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้คัดเลือก ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือสะพัดว่า ท่านรัฐมนตรี  “ฉัตรชัย สาริกัลยะ” เป็นคนทำงานไวว่อง คล่องแคล่ว ฉับไว  หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็จะมีการโยกย้ายหาคนเข้ามาทำงานเป็นมือไม้ ขับเคลื่อนให้งานเดินหน้า ร่ำลือมาว่าอย่างนั้น จึงได้เห็นช่วงแรกๆ ที่ท่านรัฐมนตรีเข้ามานั่งในกระทรวงเกษตรฯ ข้าราชการระดับหัวแทบทุกกรม ทำงานอย่างแข็งขัน และแล้วก็ไม่เป็นดังนั้น จึงเห็นการทำงานแบบอยู่อย่างไรก็อย่างนั้นไปวันๆ และเพิ่งมีการขยับอีกครั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา จนเป็นที่มาของกระทรวงลากเลื่อนขับเคลื่อนอะไรไม่ได้สักอย่างจนหลายครั้งนายกฯ ออกอาการหงุดหงิด  และเพิ่งเห็นชัดในช่วงเดือนที่ผ่านมาเพราะใกล้ถึงฤดูการโยกย้าย เอาอย่างไรกันหละคราวนี้ท่าน สังคมอยากเห็น เผื่องานกระทรวงเกษตรฯมันจะเดิน

มาว่าด้วย กรมสำคัญที่ถูกจับตามอง คงหนีไม่พ้น กรมหลัก  โดยเฉพาะกรมชลประทาน ที่ท่าน “สุเทพ น้อยไพโรจน์” อธิบดีคนปัจจุบันกำลังเกษียณอายุราชการลงไป ว่ากันว่า กรมนี้ เบื้องต้นมีคนที่ถูกคัดเลือกไว้สองคน  ซึ่งเป็นคนในทั้งคู่ ส่วนใครเป็นใครก็คงขึ้นอยู่กับกำลังภายใน หนุนหลัง  มาอีกกรมที่ถือเป็นกรมหลักอีกกรม ที่นักการเมืองสายเก่า เขาเอาเป็นที่ทำกินคือกรมส่งเสริมการเกษตรที่อธิบดีกำลังเกษียณลงเช่นกัน กรมนี้ ถือเป็นกรมใหญ่กรมหนึ่งว่ากันว่า มีระดับรองอธิบดีคนหนึ่งพยายาม วิ่งเต้น ให้ตนเองขึ้นมานั่ง ซึ่งงานนี้ต้องชิงกับคนในกระทรวง ที่นั่งหน้าเหลี่ยม ฟอกตัวมาหลายปี บี้กันมาติดๆ ส่วนอีกกรม ที่เป็นกรมที่สร้างเงินมหาศาล ส่วนสร้างเงินอย่างไง ไปถามคนในกรมคือกรมปศุสัตว์กันเอง ซึ่งกรมนี้กำลังมีอธิบดีเกษียณ ว่ากันว่า ตอนนี้ มีความพยายาม คนบางคน จะขอย้ายกรมมานั่ง  แต่ก็มีผู้ตรวจราชการบางคนอยากกลับไปนั่งเช่นกัน และที่สำคัญทั้งสองคือ มาจากสายนักการเมืองเดิมกลุ่มเดียวกันเสียด้วย ต้องลองดูว่าเผลอๆ อาจเป็นตาอยู่จากไหนมานั่งแทนก็เป็นได้ ต้องรอผลจะเป็นอย่างไร เล่าหมดเดี๋ยวอดลุ้นกันพอดีจ้า

สุดท้ายสัปดาห์นี้มาว่าด้วยเรื่องของงาน ไม่ได้เรื่องว่ามันใกล้โยกย้ายหรือไม่แต่ที่แน่ๆ งานมันเริ่มมีให้เห็น เพราะบางคนเขาใกล้เกษียณเขายังเดินหน้าทำงานเต็มที่ โดยเฉพาะท่านอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร “โอฬาร พิทักษ์” วันนี้ได้เห็นการเดินหน้าเต็มที่ในการขับเคลื่อนส่งเสริมแปลงใหญ่ ซึ่งได้เห็นความชัดเจนส่วนอีกกรม คือ ส.ป.ก. ของ “สรรเสริญ อัจจุตมานัส” วันนี้ต้องบอกว่าเป็นข่าวดังติดกันมาหลายสัปดาห์ และพอให้กระทรวงได้เห็นผลงานของกระทรวง ต่อแต่นี้ไปคงต้องรอฝีมือคนใหม่ว่าจะมีฝีมือหรือไม่ในการสางต่อ ต้องรอดู แต่ที่สุดผลงานที่ได้เห็น หรือที่ไม่โผล่ออกมา.......

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ฟาดจุกๆ! ‘หมอรพ.สรรพสิทธิประสงค์’หวด‘เท้ง’กล่าวหารพ.ไม่รับผู้ป่วยเขมร ฉะเป็นผู้นำไม่ได้

จนท.ปางมะผ้าสนธิกำลัง! รวบชายนั่งเสียบกิ่งมะม่วง-ค้นพบยาบ้าในตัวอีก200กว่าเม็ด

‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568

‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved